นักวิทย์พบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานในยุคหินที่ “ดอกเกอร์แลนด์” ดินแดนที่จมอยู่ใต้ทะเลเหนือ

เคยได้ยินเรื่องราวของพื้นที่ที่ชื่อ “ดอกเกอร์แลนด์” กันไหม นี่คือพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เคยตั้งอยู่ระหว่างอังกฤษกับเดนมาร์ก ซึ่งมีชื่อเรื่องการจมลงไปใต้ทะเลหลังถูกซัดโดยคลื่นสึนามิสูงกว่า 7 เมตร เมื่อราวๆ 8,000 ปีก่อน ทำให้ที่แห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับเมืองในตำนานอย่างแอตแลนติสเป็นอย่างมาก

 

 

ดินแดนแห่งนี้นั้น เคยถูกเข้ามาขุดค้นโดยบริษัทน้ำมันอยู่บ่อยครั้ง เพราะในอดีตมันเคยมีสัตว์อยู่มาก แต่เมื่อล่าสุดนี้เอง การขุดค้นที่แห่งนี้จะเน้นไปที่การตามหาร่องรอยของมนุษย์เป็นหลัก

นั่นเพราะเมื่อล่าสุดนี้เองเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่เดินทางผ่านพื้นที่แห่งนี้ไปได้พบกับฟอสซิลของป่าดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่ง ที่เก็บเอาร่องรอยความเป็นไปได้ของตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนพื้นที่ดอกเกอร์แลนด์เอาไว้

 

 

คงต้องอธิบายกันสักนิดว่าตั้งแต่ในอดีตแล้ว นักโบราณคดีทราบกันเป็นอย่างดีว่าบนดอกเกอร์แลนด์นั้นเคยมีมนุษย์อาศัยอยู่ จากการที่นักดำน้ำมีการค้นพบกะโหลกของบุรุษมนุษย์ที่นี่มาก่อน

ทั้งนี้เอง เหล่านักวิทยาศาสตร์คาดกันว่าคนที่เคยอาศัยอยู่บนดอกเกอร์แลนด์นั้น น่าจะเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงกลางยุคหิน โดยพวกเขานั้นเป็นนักล่าที่ไล่ตามสัตว์ซึ่งอพยพย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลมาจนถึงพื้นที่แห่งนี้

 

RV Belgica เรือที่ใช้กันการสำรวจครั้งนี้

 

พวกเขาพบว่าที่แห่งนี้เหมาะสมกับการล่าสัตว์มากจึงได้ตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่บนเกาะ แต่ก็ต้องถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่เพราะระดับน้ำที่สูงขึ้นในอดีต ก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์จากการโดนคลื่นซัดไปพร้อมๆ กับเกาะในที่สุด และที่ผ่านๆ มาเรายังไม่สามารถพบได้เลยว่าในอดีต พวกเขาอาศัยอยู่ในส่วนใดของเกาะกันแน่

อย่างไรก็ตามหลักฐานที่พบในครั้งนี้ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุที่ที่มนุษย์เหล่าน่าจะมาตั้งถิ่นฐานบนดอกเกอร์แลนด์เมื่อราวๆ 10,000-12,000 ปีก่อนได้อย่างแม่นยำที่สุดเท่าที่มีมา นั่นเพราะในป่าแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ร่องรอยกระดูกมนุษย์โบราณเท่านั้น แต่ยังมีร่องรอยสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นอีกจำนวนหนึ่งด้วย

 

 

และแน่นอนว่าหากพวกเขาสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ตามหาหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ได้จริงๆ นี่คือจะถือว่าเป็นการค้นพบที่มีค่าที่สุดครั้งหนึ่งของทะเลเหนือเลย

“เราใกล้จะพบพื้นที่การตั้งถิ่นฐานแล้ว” Vincent Gaffney นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแบรดฟอร์ดในสหราชอาณาจักร หนึ่งในผู้นำโครงการกล่าว “เรารู้ว่ามันอยู่ที่นั่น เราต้องการเพียงแค่โชคเล็กน้อย สภาพอากาศที่ดีพอที่จะไปหามัน”

 

ที่มา allthatsinteresting, livescience

Comments

Leave a Reply