10 ภาพยนตร์ที่ถูกสั่งห้ามฉายในต่างประเทศ ด้วยเหตุผลแปลกๆ ที่คาดไม่ถึง…

หากพูดถึงการดูภาพยนตร์เราก็คงจะนึกถึงความสนุก ความเพลิดเพลิน ความบันเทิงต่างๆ ที่หวังจะได้รับจากการตัดสินใจดูหนังสักเรื่อง

แต่ก็มีภาพยนตร์จำนวนไม่น้อยที่ถูกแบนในหลายๆ ประเทศ และไม่อนุญาตให้คนในประเทศนั้นๆ รับชม ซึ่งก็มีหลากหลายเหตุผลด้วยกัน เช่น มีเนื้อหาไม่เหมาะสม ขัดกับหลักศาสนาและความเชื่อ เป็นต้น

หรือบางเรื่องก็ถูกแบนด้วยเหตุผลแปลกๆ ก็มีด้วย เห็นได้จาก 10 ภาพยนตร์ที่กำลังจะได้อ่านกันในตอนนี้ จะมีภาพยนตร์เรื่องไหน และด้วยเหตุผลอะไรบ้างก็ไปดูกันได้เลย…

 

1. Christopher Robin (2018) ถูกแบนในประเทศจีน

หากมองผิวเผินแล้วภาพยนตร์เกี่ยวกับหมีพูห์เรื่องนี้ดูไม่มีความร้ายแรงใดๆ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Xi Jinping ของประเทศจีนกลับเห็นว่ามันไม่สมควรให้ถูกฉาย แม้จะไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าเกิดจาก “การล้อเลียนประธานาธิบดีว่ามีรูปร่างเหมือนหมีพูห์”

 

2. Barney’s Great Adventure (1998) ถูกแบนในประเทศมาเลเซีย

แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการ์ตูนที่เหมาะกับเด็กในหลายๆ ประเทศ แต่ทางการมาเลเซียกลับแบนภาพยนตร์เรื่องนี้โดยอ้างว่ามัน “มีความไม่เหมาะสำหรับเด็ก” โดยไม่ลงรายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่ามันถูกแบนเพราะอะไรกันแน่???

 

3. The Simpsons Movie (2007) ถูกแบนในประเทศพม่า

เหตุผลที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ถูกฉายในประเทศพม่านั่นเป็นเพราะมี “สีเหลืองและสีแดง” ใช่ค่ะ ทุกคนอ่านไม่ผิด โดยเชื่อว่าเป็นสีที่เกี่ยวข้องระหว่างการเมืองของรัฐบาลพม่า และกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาล ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวง่ายเลยตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการแบนซะเลย

 

4. 2012 (2012) ถูกแบนในประเทศเกาหลีเหนือ

แม้ในปี 2012 จะไม่ใช่วันหายนะของโลก แต่ในประเทศเกาหลีเหนือนั้นปี 2012 เป็นปีครบรอบวันคล้ายวันเกิด 100 ปีของ Kim-Il Sung ผู้นำคนแรกของประเทศ ถือเป็น “ปีอันศักดิ์สิทธิ์” นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกแบน และใครก็ตามที่มีภาพยนตร์เรื่อง 2012 อยู่ในครอบครองอาจได้รับโทษอย่างรุนแรง หรือทั้งจำคุกด้วย

 

5. Schindler’s List (1993) ถูกแบนในประเทศเลบานอน

เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มีภารกิจช่วยเหลือชาวยิวให้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทางประเทศเลบานอนให้เหตุผลว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มี “การสนับสนุนชาวยิวในเชิงบวก” ซึ่งเป็นที่ไม่พอใจต่อประเทศเลบานอน และประเทศอื่นๆ ในแถบตะวันออกกลาง

 

6. Shrek 2 (2004) ถูกแบนในประเทศอิสราเอล

แม้ Sherk ภาคแรกจะฉายได้ แต่ Sherk ภาคสองกลับโดนแบนไม่ให้ฉายซะงั้น และเหตุผลที่ถูกแบนก็คือ “คำพากย์” ที่ปรับให้เข้าใจง่ายขึ้นสำหรับชาวอิสราเอล โดยในฉากนั้นเปลี่ยนจากการพูดถึง John Bobbit ชายผู้ถูกตัดกระปู๋โดยภรรยา เป็นพูดถึง David D’Or นักร้องชาวอิสราเอลแทน ทำให้เขาไม่พอใจจนต้องฟ้องร้อง และเป็นเหตุให้ภาพยนตร์ถูกแบนไปด้วย

 

7. Back To The Future (1985) ถูกแบนในประเทศจีน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายด้วยเหตุผลที่ว่า “การเดินทางข้ามเวลาเป็นการไม่ให้ความเคารพทางประวัติศาสตร์” นั่นทำให้หน่วยงานภาครัฐของจีน ไม่อนุญาตให้เผยแพร่เนื้อหาภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา โดยอ้างว่ามันไม่สร้างสรรค์ และไม่ทำให้เกิดมุมมองแปลกใหม่นั่นเอง

 

8. Noah (2014) ถูกแบนในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม

เหตุผลที่ถูกแบนนั้นเป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น “ขัดแย้งกับหลักศาสนาอิสลาม” อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากโนอาห์ถือเป็นศาสดาของศาสนา และตามหลักศาสนาแล้วนั้น การสร้างรูปจำลองของศาสดาขึ้นมาถือเป็นการดูหมิ่น และไม่ให้เกียรติโนอาห์เลย

 

9. Wonder Woman (2017) ถูกแบนในประเทศเลบานอน

หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของทางค่าย DC แต่กลับถูกแบนนั้นเป็นเพราะ “นักแสดงนำหญิงเป็นชาวอิสราเอล” Gal Gadot เกิดและเติบโตขึ้นในประเทศอิสราเอล อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของกองกำลังป้องกันประเทศ (Israeli Defence Force) และอย่างที่ทราบกันดีว่าทั้งสองประเทศไม่ลงรอยกัน ทำให้อะไรที่เกี่ยวกับประเทศอิสราเอลนั้นจะถูกแบนในประเทศเลบานอนไปโดยปริยาย

 

10. Pirates Of The Caribbean: Dead Man’s Chest (2006) ถูกแบนในประเทศจีน

ภาคนี้ถูกแบนนั้นเป็นเพราะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่อง “ผีและไสยศาสตร์” ซึ่งในประเทศจีนนั้น หากภาพยนตร์เรื่องไหนมีส่วนเกี่ยวข้องกับภูตผีวิญญาณก็มีสิทธิถูกแบนได้ และหนัง Pirates Of The Caribbean ภาคที่สองก็ได้รับสิทธินั้น หลังจากในภาพยนตร์มีตัวละครผีๆ อยู่สองสามตัว โชคดีที่ภาคอื่นๆ ได้รับอนุญาตให้ฉายได้เพราะไม่มีเรื่องเกี่ยวกับภูตผีวิญญาณอีก

 

ที่มา: screenrant


Tags:

Comments

Leave a Reply