คุณแม่ช้ำใจ “เพื่อนแกล้งให้ลูกกินน้ำร้อน” ลวกปาก-ลิ้น ค่าเทอมเป็นแสนแก้ปัญหาไม่ได้

เชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนก็คงไม่อยากเห็น “ลูกโดนแกล้ง” เหมือนอย่างคุณแม่คนนี้ และมันก็ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมเมื่อทางโรงเรียนกลับลงโทษเด็กที่มาแกล้งลูกของเธอ ในแบบที่หลายๆ คนมองว่า “ไม่สมเหตุสมผล”

 

ภาพประกอบบทความ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

เรากำลังพูดถึงเรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Annie Rossarin Sawasdiraksa คุณแม่ของ น้องมิลลี่ (วัย 7 ขวบ) เด็กหญิงที่ต้องเผชิญกับปัญหาการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง

โดยเรื่องนี้ ผู้เป็นแม่เล่าว่ามันเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2019 ลูกสาวกลับมาจากโรงเรียนแล้วเล่าให้เธอฟังว่าถูกเพื่อนผู้หญิงแกล้ง ด้วยการ “เอาน้ำร้อนให้ดื่มแบบไม่รู้ตัว”

 

น้องมิลลี่

 

คนที่แกล้งนั้นได้เอากระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิของ น้องมิลลี่ ไปใส่น้ำร้อนแล้วเอามาให้เธอดื่ม ซึ่งตอนนั้น น้องมิลลี่ คิดว่าเพื่อนใจดีเติมน้ำมาให้ เธอจึงดื่มเข้าไปโดยไม่คิดอะไร

แต่แล้วน้ำร้อนในกระบอกนั้นก็ทำเอาปากและลิ้นของเธอพองจนคุณครูถึงกับต้องพาไปห้องพยาบาล

 

ภาพในวันที่ 14 พ.ค. จะเห็นว่าลิ้นของ น้องมิลลี่ ยังคงพองอยู่

 

แน่นอนว่าผู้เป็นแม่รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการที่ลูกต้องโดนกลั่นแกล้งรุนแรงขนาดนี้ และยิ่งเมื่อรู้ว่าทางโรงเรียนลงโทษเด็กคนนั้นแค่ “ให้ออกมายืนนอกห้อง 10 นาที” มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม

เธอมองว่าเด็กที่แกล้งนั้นจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการลงโทษในครั้งนี้เลย แถมตอนกลับเข้าห้องมา น้องมิลลี่ ก็เล่าว่าเด็กคนนั้นได้ทำท่า ”I’ll be watching you” หรือถ้าแปลไทยให้เข้าใจง่ายๆ ก็ “ระวังตัวไว้นะ”

 

ท่าทางดังกล่าว

 

เรื่องนี้ทำให้แม่ของ น้องมิลลี่ ติดต่อหาแม่ของเด็กที่กลั่นแกล้ง แล้วถึงได้รู้ว่าทางฝั่งนั้นไม่ได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย แสดงให้เห็นว่าทางโรงเรียนไม่มีการรายงานถึงผู้ปกครอง

ในจุดนี้เธอมองว่า โรงเรียนมองเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ลงโทษแล้วก็จบอย่างนั้นหรือ? ทั้งๆ ที่ในมุมผู้ปกครองเธอกลับมองว่ามันเป็นการกลั่นแกล้งที่ “อันตรายต่อชีวิต” เด็กเป็นอย่างมาก

“ถ้ามิลลี่เกิดหิวน้ำแล้วซดเข้าไปเฮือกใหญ่ๆ นี่ไม่ลวกคอลวกหน้ากว่านี้เหรอคะ” ผู้เป็นแม่กล่าว

 

แชทที่เธอได้คุยกับทางฝั่งแม่ของเด็กที่แกล้ง

 

แม่ของเด็กที่เป็นคนแกล้งจึงถามลูกตัวเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เด็กคนนั้นก็กลับบอกว่า น้องมิลลี่ เป็นคนแกล้งเธอก่อน ด้วยการ “เอาบางอย่างมาใส่ในรองเท้าทำให้เท้าเธอเปียก” นี่จึงเป็นเหมือนการเอาคืน

ทว่าทางฝั่ง น้องมิลลี่ นั้นยังคงยืนยันเสียงแข็งว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่เด็กคนนั้นบอกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเรื่องนี้ผู้เป็นแม่เล่าว่าเธอพยายามคาดคั้นจน น้องมิลลี่ ถึงกลับร้องไห้ออกมาเมื่อถูกถามย้ำมากๆ เข้า แต่ยังคงคำเดิมว่า “ไม่ได้ทำ”

คุณแม่จะอยากปรึกษาคนในโลกโซเชียลว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ น้องมิลลี่ ถูกกลั่นแกล้ง ก่อนหน้านี้เธอเคยโดนเด็กคนเดียวกันนั้นตบ โดนชก สารพัดอย่าง

แต่ทางโรงเรียนกลับไม่แก้ไขปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นเลย ทำเอาเธอรู้สึกว่า “ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ ค่าเทอมเป็นแสน แต่ทำไมทางโรงเรียนกลับไม่ใส่ใจในปัญหาที่ควรแก้ไข”

 

สิ่งที่เธอยังคงคาใจก็คือ…

 

โพสต์เรื่องราวดังกล่าว

.

.

 

ล่าสุดเธอก็ได้ออกมาอัปเดตว่า เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) หลังจากที่ไม่มีการติดต่อใดๆ จากทางโรงเรียน เธอจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เหตุที่เธอทำอย่างนั้นก็เพราะตั้งใจว่า หากทางโรงเรียนยังคงเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เธอจะนำเรื่องราวดังกล่าวส่งไปยังกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

 

ภาพของ น้องมิลลี่ และใบบันทึกประจำวันของตำรวจ

 

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนได้แจ้งกับทางสถานีตำรวจที่ติดต่อไปว่า ได้มีการส่งจดหมายเชิญผู้ปกครองของเด็กที่เป็นคนกลั่นแกล้งเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากนี้แล้ว

โดยส่วนนี้ คุณแม่ของ น้องมิลลี่ รู้สึกว่าไม่อยากให้ทางโรงเรียนพูดคุยกับแค่ผู้ปกครองของอีกฝ่ายเพียงฝ่ายเดียว เธอจึงขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งกับทางโรงเรียนว่าเธอต้องการที่จะเข้าไปร่วมพูดคุยด้วยในสิ่งที่เกิดขึ้น

ทั้ง 3 ฝ่าย (โรงเรียน, คุณแม่ของ น้องมิลลี่ และผู้ปกครองของอีกฝั่ง) จะมีการพูดคุยกันในวันนี้ (16 พ.ค.)

 

โพสต์อัปเดต

 

สุดท้ายแล้ว เธอก็เลือกที่จะให้โอกาสแก่ทางโรงเรียนและผู้ปกครองอีกฝ่ายในการแก้ปัญหา ซึ่งหากยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ที่ชัดเจน เธอก็พร้อมที่จะดำเนินเรื่องไปตามที่เธอวางแผนเอาไว้

หลังจากนี้ เธอจึงอยากขอดูว่าท้ายที่สุดแล้วโรงเรียนจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ถึงยังไงก็ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีมาให้ น้องมิลลี่ ซึ่งในฐานะที่เธอเป็นแม่นั้นก็จะพยายามเยียวยาจิตใจลูกน้อยต่อไป

 

ที่มา: Annie Rossarin Sawasdiraksa


Tags:

Comments

Leave a Reply