พบโครงกระดูกโบราณในอังกฤษ เชื่ออาจเกี่ยวข้อง “การบูชายัญ” และมีอายุ 3,000 ปี

ในตอนที่ทีมคนงานก่อสร้างวางท่อระบายน้ำในพื้นที่ออกซฟอร์ดเชอร์ มณฑลทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ เชื่อว่าพวกเขาคงไม่คาดคิดหรอกว่าจะพบกับหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์โบราณ อยู่ใต้ดินที่พวกเขาขุดแน่ๆ

แต่เรื่องราวการค้นพบสุดบังเอิญดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา

แถมในบรรดาสิ่งที่คนงานก่อสร้างค้นพบยังเป็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตไปในท่าทางแปลกประหลาดอย่างที่ไม่น่าเชื่อ

 

 

อ้างอิงจากสื่อต่างประเทศโครงกระดูกของหญิงสาวที่เห็นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงกระดูกมนุษย์ยุคหิน 26 ร่างที่มีการพบในพื้นที่

โดยโครงกระดูกร่างนี้มีลักษณะเด่นอื่นๆ นอกจากท่าทางในเวลาตายซึ่งมีลักษณะกางขาแล้ว ยังมีส่วนเท้าโดนตัดออก และการที่ถูกมัดมือไพล่หลัง

 

นอกจากหญิงสาวที่เห็นข้างต้นแล้ว นักโบราณคดียังพบโครงกระดูกไม่ทราบเพศอีกร่างหนึ่ง ที่มีการฝังโดยที่ถูกตัดเอาส่วนศีรษะไปวางไว้ที่ปลายเท้า ซึ่งนับว่าเป็นการฝังในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อโบราณโดยตรง

ในเบื้องต้นนักโบราณคดีคาดกันว่า โครงกระดูกที่พบนั้น ส่วนมากน่าจะเป็นเหยื่อของการบูชายัญในสมัยก่อน

 

 

จากคำบอกเล่าของนักโบราณคดี ในพื้นที่เดียวกับที่มีการค้นพบโครงกระดูกพวกเขายังพบกับโบราณวัตถุจำพวกมีด เครื่องปั้นดินเผา หวี และซากสัตว์ (ที่คาดว่าเป็นม้า) ซึ่งถูกใช้งานในสมัยนั้นอีกด้วย

โครงกระดูกที่เก่าแก่ที่สุดที่ถูกพบนั้น คาดกันว่ามีอายุถึง 3,000 ปี

อย่างไรก็ตามวัตถุโบราณส่วนมากที่ถูกพบจะมาจากช่วงเวลาต่างๆ กันไปในช่วงยุคเหล็กซึ่งกินเวลาตั้งแต่เมื่อ 800 ปีก่อนศริสตกาล ไปจนถึงช่วงคริสตศักราชที่ 300 หรือราว 1,700 ปีก่อน

 

 

ดังนั้นเหล่านักโบราณคดีจึงตั้งความหวังเป็นอย่างมากว่าการค้นพบในครั้งนี้ จะสามารถให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนอังกฤษในช่วงก่อนที่จะถูกรุกรานโดยชาวโรมันได้เป็นอย่างดี

และไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะได้ทราบข้อมูลเพิ่มเต็มอื่นๆ จากการขุดค้น และศึกษาพื้นที่ดังกล่าวต่อไปก็เป็นได้

 

 

ที่มา allthatsinteresting, livescience และ cnn

Comments

Leave a Reply