7 อาหารต้องห้ามที่ถูกสั่งแบน ห้ามซื้อขายและอาจผิดกฎหมายในหลายประเทศทั่วโลก

ใช่ว่าอาหารการกินทุกอย่างนั้นจะรับประทานได้เหมือนกันหมดทุกที่ในโลกใบนี้ บางอย่างที่ไทยกินได้ อาจผิดกฏหมายในประเทศสิงคโปร์ บางอย่างประเทศแถบยุโรปอาจตระหนักถึงอันตราย แต่ประเทศอเมริกากลับไม่เห็นข้อเสีย

จะเห็นได้ว่าแต่ละประเทศก็มีกฏ และข้อห้ามที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริบทสังคม สภาพแวดล้อม หรือทัศนคติที่มีต่อสิ่งเดียวกันในมุมที่ต่างกัน

และอาหาร 7 อย่างด้านล่างนี้เองที่เป็นตัวอย่างของความแตกต่างในแต่ละประเทศที่ห้ามซื้อ ห้ามขาย ห้ามบริโภค ที่หากไม่รู้อาจได้เข้าคุกเข้าตารางโดยไม่รู้ตัว…

 

1. คาเวียร์จากปลาเบลูก้า

การนำเข้าคาเวียร์จากปลาเบลูก้านั้นผิดกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 เพราะปลาเบลูก้านั้นเป็นปลาที่เสี่ยงต่อการใกล้จะสูญพันธ์

 

2. หูฉลาม

การขายซุปหูฉลามนั้นผิดกฏหมายกว่า 12 รัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา และในปี 2012 ประเทศจีนได้ห้ามการบริโภคซุปหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐ

 

3. ช็อกโกแลต M&Ms

ถูกแบนที่ประเทศสวีเดนในปี 2016 เพราะมีสัญลักษณ์ใกล้เคียงกับยี่ห้อช็อกโกแลต Marabou ของบริษัท Mondelez International ซึ่งมีสิทธิ์เครื่องหมายการค้าเฉพาะในประเทศสวีเดน

 

4. สีผสมอาหาร

สีผสมอาหารถูกแบนในหลายประเทศทั่วยุโรป เช่น ออสเตรีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, นอร์เวย์ และอังกฤษ เพราะอาจส่งผลถึงปัญหาสุขภาพได้

 

 

5. ขนมไข่ Kinder

เชื่อว่าเป็นขนมช็อกโกแลตสุดโปรดของเด็กๆ แต่ขนม Kinder ผิดกฏหมายในประเทศอเมริกาเนื่องจากขนมนั้นใส่ของเล่นไว้ข้างใน ทำให้ไม่ผ่านกฏขององค์การอาหารและยา

 

6. ปลาปักเป้าญี่ปุ่น (ปลาฟุกุ)

เนื่องจากเป็นปลามีพิษ ทำให้ปลาชนิดนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากต่างประเทศโดยพลการในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยต้องทำการนำเข้าจากผู้นำเข้าที่รัฐกำหนดไว้เท่านั้น

 

7. หมากฝรั่ง

ในปี 1992 สิงคโปร์ออกข้อห้ามไม่ให้นำเข้าหมากฝรั่ง และไม่ให้เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อสร้างความสะอาดให้พื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ ในปี 2004 ข้อห้ามบางส่วนได้ถูกยกเลิกเพื่อให้เคี้ยวหมากฝรั่งได้ในบางพื้นที่ และให้ใช้ได้ในทางทันตกรรม

 

 

ที่มา: thisisinsider


Tags:

Comments

Leave a Reply