ใครที่ชื่นชอบฟังเพลงสากลคงจะคุ้นเคยกับน้ำเสียงอันไพเราะของ แซม สมิธ นักร้องและนักแต่งคนนี้ดี หลังจากอัลบั้มเปิดตัว ‘In the Lonely Hour’ ในปี 2014

หนุ่มแซม สมิธได้ทำลายสถิติเพลงฮิตติดชาร์ตยาวนานที่สุดในอังกฤษ 69 สัปดาห์และกวาดรางวัลจากเวทีต่างๆ มากมาย

 

 

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมา หนุ่มแซม สมิธได้เปิดใจถึงตัวตนของเขาผ่านบทสัมภาษณ์ในอินตราแกรมโดย Jameela Jamil ว่า เขาไม่มีกรอบจำกัดทางเพศ (non-binary หรือ genderqueer)

และยังบอกกับสื่ออีกว่า “ในความคิดของผม ผมไม่ได้ระบุเพศของตัวเอง เพราะผมเป็นผม เป็นคนพิเศษในแบบของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่หญิงหรือชาย แต่อยู่ระหว่างสองเพศนี้ เหมือนกับเชดสีในสเปคตรัม”

 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2017 เขาได้ให้สัมภาษณ์ในเชิงเดียวกันกับ The Sunday Times ว่า เขารู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นผู้หญิงเท่ากับที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย

แซม สมิธเล่าว่าตอนเด็กๆ เขามักจะถูกเพื่อรังแก เพราะรูปร่างที่ดูเหมือนว่าเขามีหน้าอกเหมือนกับผู้หญิง เขาจึงตัดสินไปดูดไขมันที่หน้าออกตอนอายุได้เพียง 12 ปี

 

View this post on Instagram

In the past if I have ever done a photo shoot with so much as a t-shirt on, I have starved myself for weeks in advance and then picked and prodded at every picture and then normally taken the picture down. Yesterday I decided to fight the fuck back. Reclaim my body and stop trying to change this chest and these hips and these curves that my mum and dad made and love so unconditionally. Some may take this as narcissistic and showing off but if you knew how much courage it took to do this and the body trauma I have experienced as a kid you wouldn’t think those things. Thank you for helping me celebrate my body AS IT IS @ryanpfluger I have never felt safer than I did with you. I’ll always be at war with this bloody mirror but this shoot and this day was a step in the right fucking direction 👅🤘🏼🍑

A post shared by Sam Smith (@samsmith) on

 

แม้ว่าตอนนั้นเขารู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เขาไม่กล้าพูดเรื่องรูปร่างกับคนอื่น เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้มีความสนใจเรื่องภาพลักษณ์มากนัก

อย่างไรก็ตาม หนุ่มแซม สมิธได้โพสต์ภาพโชว์ท่อนบนแสดงถึงตัวตนและความรู้สึกของว่า เขามีความมั่นใจในเรื่องรูปร่างมากขึ้น เขายอมรับในความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุข

 

ที่มา: huffpostdailymail

Advertisement

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง...