Tag: สลัม

  • Nishinari ย่านใหญ่ในโอซากา ว่ากันว่าคือ “ชุมชนแออัดแห่งญี่ปุ่น” ที่ทางการพยายามปกปิด..

    Nishinari ย่านใหญ่ในโอซากา ว่ากันว่าคือ “ชุมชนแออัดแห่งญี่ปุ่น” ที่ทางการพยายามปกปิด..

    ถ้าหากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ภาพที่จะผลุดขึ้นมาในหัวพวกเราหลายๆ คนเลยนั่นก็คือภาพของอาคารสูงๆ ความทันสมัยและรถไฟความเร็วสูงอย่างชินคันเซ็นนั่นเอง แต่ก็เหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วไป ถึงแม้ว่าจะมีความเจริญมากมาย แต่ก็ยังคงมีบางพื้นที่มีอีกด้านหนึ่งของสังคมและมักจะไม่ถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอีกมุมหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังของความเจริญในแดนปลาดิบแห่งนี้ นั่นก็คือย่าน Nishinari หนึ่งในย่านที่มีชื่อเสียงจากเมืองโอซากานั่นเอง     Nishinari นั้นถือเป็นหนึ่งใน 24 เขตของโอซาก้า แต่นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อแล้ว ย่านแห่งนี้ก็ยังมีบางพื้นที่ที่เรียกว่าเป็นย่านเสื่อมโทรมเองเช่นกัน และหนึ่งในนั้นก็คือสลัม Kamagasaki  สลัมที่มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เดิมที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่หลังจากเริ่มฟื้นตัวจากสงคราม การพัฒนาประเทศนั่นเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเร่งทำให้สำเร็จ     การฟื้นฟูประเทศครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับจำนวนของแรงงานที่หลังไหลเข้ามาในประเทศตามเขตเมืองใหญ่ๆ และเขต Nishinari เองก็เป็นหนึ่งในจุดหมายของเหล่าแรงงานเหล่านนั้น ในช่วงปี 1970 ที่นี่ถูกขนานนามว่า “labor towns” หรือเมืองแห่งแรงงาน และที่นี่จึงกลายเป็นตลาดแรงงานที่สำคัญที่สุดในเมือง     ก่อนหน้านี้ในปี 1898 ทางการญี่ปุ่นมีแผนกำหนดให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเขต Nishinari นั้นย้ายออกไปยังพื้นที่ Kamagasaki เพื่อเตรียมตัวในการจัดงานนิทรรศการอุตสาหกรรมระดับชาติในปี 1903 และหลังจากที่เกิดวิกฤติฟองสบู่ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1991 ความรุ่งเรืองกลับหายวับไปกับตา เศรษฐกิจที่เคยเจริญเติบโตกลับหยุดชะงัก ตลาดแรงงานแห่งนี้เองก็ได้รับผลกระทบนั้นไปด้วย จากตลาดแรงงานที่เคยเจริญเติบโต ตอนนี้กลับกลายเป็นแหล่งของคนตกงาน ไร้บ้าน และกลายเป็นชุมชนแออัดในที่สุด    …

  • ตึก São Vito ที่อยู่อาศัยในบราซิล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “สลัมลอยฟ้า” ที่สูงที่สุดในโลก

    ตึก São Vito ที่อยู่อาศัยในบราซิล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “สลัมลอยฟ้า” ที่สูงที่สุดในโลก

    ถ้าหากพูดถึงประเทศบราซิล สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักก็คงจะเป็นกีฬาฟุตบอลหรือการเต้นแซมบ้าแน่นอน แต่นอกจากเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ที่นี่เองก็ไม่ต่างจากเมืองหลวงทั่วๆ ไป ที่ยังคงมีชุมชนแออัดหรือสลัมให้ได้เห็นกันตามสถานที่ต่างๆ และวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ São Vito สลัมลอยฟ้า ที่ได้ชื่อว่าเป็นสลัมที่สูงที่สุดในโลก จากเมืองเซาเปาโลประเทศบราซิล…     เซาเปาโลนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่ง ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่มากกว่า 20 ล้านคน และแน่นอนว่าเมื่อมีการขยายตัวของเมือง ความเจริญจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเมืองนี้ ทุกวันนี้ในเซาเปลาโลเต็มไปด้วยร้านอาหารสุดหรู โรงภาพยนตร์ และร้านค้าอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ที่นี่ยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าหลายๆ แห่ง และหนึ่งในนั้นก็คืออาคาร São Vito ตึกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด มันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1959 จุดประสงค์ของอาคารหลังนี้สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่พักอาศัยของผู้คน และตลอดระยะที่ 20 ปีที่เปิดใช้งานอาคาร 27 ชั้นแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่มากถึง 3,000 คน     ถึงแม้ว่าในสมัยก่อนอาคารหลังนี้ จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียง และเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมสุดหรูชั้นบน หรือร้านค้าในชั้นล่าง แต่สถาปนิกหลายๆ คนต่างลงความเห็นว่า São Vito นั้นคือความผิดพลาดของการออกแบบ เพราะมันซ่อมบำรุงได้ยากนั่นเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยจำนวนของผู้พักอาศัยที่มากขึ้นทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการอพยพเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ และความปลอดภัยของพวกเขา จนกระทั่งเมื่อปี 2004…

  • ภาพถ่ายวิถีชีวิตของคนยากไร้ ต้องอาศัยอยู่ใน ‘สลัมท่อคอนกรีต’ ตามท้องถนนในฟิลิปปินส์

    ภาพถ่ายวิถีชีวิตของคนยากไร้ ต้องอาศัยอยู่ใน ‘สลัมท่อคอนกรีต’ ตามท้องถนนในฟิลิปปินส์

    ความหนาแน่นของประชากรในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนยากจนไร้ที่อยู่อาศัย ถึงขนาดที่บางครอบครัวต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในท่อคอนกรีตเล็กๆ ที่อยู่ตามแนวถนน เว็บไซต์เดลีเมล์ ได้แสดงภาพของครอบครัวคนยากไร้ในเมืองหลวง ขณะกำลังนอนหลับในท่อคอนกรีตที่เต็มไปด้วยกองขยะบริเวณรอบๆ โดยมีตั้งแต่เด็กทารก ไปจนถึงผู้ใหญ่     ท่อคอนกรีตที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก และปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกนี้ คงไม่มีใครคิดว่าจะสามารถนำมาเป็นสถานที่อยู่อาศัยได้ แต่สำหรับคนยากจนในฟิลิปปินส์แล้ว นั่นคือที่อยู่อาศัยของพวกเขา     บางคนพยายามที่จะสร้างความเป็นส่วนตัวด้วยการนำผ้ามาปิดบังท่อเอาไว้   ในหลายปีที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุด เนื่องจากทางรัฐบาลพยายามที่จะขึ้นค่าครองชีพกับประชาชน ซึ่งทำให้ผู้คนมากกว่า 100 ล้านคน ต้องเผชิญกับความยากลำบาก รวมทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดพายุไต้ฝุ่นและภัยพิบัติจากธรรมชาติมากขึ้น   .   ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นหลายครั้งต่อปี โดยในเดือนธันวาคม ปี 2016 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์พายุใต้ฝุ่นครั้งรุนแรงขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย นอกจากภัยพิบัติดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเสียชีวิตแล้ว ยังทำลายที่อยู่อาศัยของผู้คนจนทำให้พวกเขากลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย จนต้องพากันมาตั้งถิ่นฐานอยู่ภายในท่อคอนกรีตเล็กๆ อย่างที่เห็น   . .   ในขณะที่หลายพื้นที่ในกรุงมะนิลากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่หลายๆ คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก   เด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน…

  • โลกคู่ขนานบนพื้นฐานความจริง ความต่างของสลัมและชีวิตสุดหรู ที่อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว…

    โลกคู่ขนานบนพื้นฐานความจริง ความต่างของสลัมและชีวิตสุดหรู ที่อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว…

    เป็นที่รู้กันว่าปกติแล้วสภาพความเป็นอยู่ของคนเมืองนั้นนอกจากการอยู่แบบคนปกติบ้านธรรมดาๆ แล้วมัมก็มักจะมีพื้นที่หนึ่ง ที่แบ่งแยกออกมาระหว่างคนปกติและคนมีเงินอย่างชัดเจนซึ่งบางครั้งสองพื้นที่นี้ก็มักจะไม่อยู่ใกล้ๆ กันสักเท่าไหร่ แต่ทว่าก็มีไม่น้อยเช่นกันที่เราสามารถมองเห็นความต่างของพื้นที่เหล่านั้นเพียงแค่ไม่กี่ก้าวหรือเพียงแค่กั้นด้วยรั่วเหล็กบางๆ วันนี้เราเลยจะมาดูภาพที่รวบรวมมาจากทั่วมุมโลกที่แสดงให้เห็นถึงความต่างของสลัม และพื้นที่คนรวยที่ถูกกั้นโดยพื้นที่เล็กๆ แต่เหมือนอยู่กันคนละโลก อย่ารอช้ามาดูกันเลยดีกว่า   ภาพจากเมืองเดอร์บันในแอฟริกาใต้ ที่แสดงให้เห็นถึงสนามกอลฟ์สุดหรู the Papwa Sewgolum Golf Course ที่อยู่ห่างจากชุมชนสลัม tin shacks   ภาพของย่านสลัมในเขต Paraisopolis รัฐเซาเปาลูประเทศบราซิล ที่อัดแน่นไปด้วยบ้านเรือนและมีคนอาศัยมากถึง 60,000 คนแต่ถูกกั้นด้วยกำแพงเล็กๆ ถัดจากนั้นก็เป็นโรงแรมที่สระว่ายน้ำสุดหรู   ภาพของกำแพงที่ชื่อว่า Wall of Shame ในประเทศเปรู ที่ใช้สำหรับกั้นชุมชนสลัมออกจากชมุชนคนเมืองอย่างชัดเจน   ภาพจากประเทศเม็กซิโก ที่แสดงให้เห็นความต่างของชนชั้นสุดๆ โดยทางซ้ายคือย่านสลัมที่ชื่อว่า ramshackle ส่วนทางขวาก็คือย่านที่อยู่อาศัยของคนรวยที่ถูกกั้นด้วยกำแพงบางๆ และนี้คือภาพจริงๆ ไม่ได้ตัดมาต่อกันแต่อย่างใด   ภาพของแฟลทชนบทในประเทศเม็กซิโก ที่เป็นฉากหลังของโรงแรมสุดหรู ซึ่งสามารถแสดงความต่างและขยายภาพข้างบนได้เป็นอย่างดี ภาพจากนครมมุมไบที่แสดงให้เห็นถึงย่านสลัมของชนชั้นแรงงาน และมีอพาร์ทเม้นท์ที่พึ่งสร้างใหม่เป็นฉากหลังที่ดูแล้วอยู่ห่างกันไม่มาก   ชุมชนสลัมในประเทศบลาซิลที่ถูกกั้นกับชุมชนของคนรวยด้วยเนินเขาเล็กๆ   ตึกที่ใช้กระจกเป็นกำแพง ซึ่งดูจากภายนอกไฮโซมากๆ โดยเป็นตึกที่สร้างขึ้นใหม่แถมอยู่ห่างจากตัวสลัมในเมืองบังคาลอร์ประเทศอินเดียแค่นิดเดียวอีกต่างหาก   มุมไบถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีการแบ่งแยกมากที่สุดในโลก ตัวสลัมก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากย่านคนรวยมากเท่าไหร่นัก…

  • ช่างสักบริการแบบไม่คิดเป็นเงิน ขอเพียง ‘อุปกรณ์การเรียน’ ไปบริจาคให้เด็กๆ ผู้ขาดแคลน

    ช่างสักบริการแบบไม่คิดเป็นเงิน ขอเพียง ‘อุปกรณ์การเรียน’ ไปบริจาคให้เด็กๆ ผู้ขาดแคลน

    ถ้าเผื่อเพื่อนๆ ยังไม่ทราบ ตอนนี้ประเทศเวเนซูเอล่านั้นเป็นประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจหนักมาก ถึงขั้นที่ว่าประชาชนต้องออกมาคุ้ยหาอาหารเพื่อประทังชีวิตกันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องอุปกรณ์การเรียนสำหรับเด็กๆ เลย โรงเรียนหลายแห่งถึงขั้นต้องปิดตัวลงเพราะขาดเงินสนับสนุน ไม่สามารถดำเนินการสอนต่อได้ อีกหลายแห่งขาดแคลนอุปกรณ์ สอนแบบขาดแคลนไปวันๆ แต่กระนั้นก็มีกลุ่มศิลปินช่างสักอยู่กลุ่มหนึ่ง ได้ออกมาใช้ทักษะของพวกเขา เพื่อแลกกับการให้ลูกค้าซื้ออุปกรณ์การเรียนไปให้เด็กๆ แทน   ช่างสักบริการสักแลกกับอุปกรณ์การเรียนสำหรับเด็กๆ   โครงการนี้มีเหล่าช่างสักมาร่วมกว่า 14 คน ซึ่งมีผู้เข้ามาใช้บริการมากมายเช่นกัน Oriana Herrera หนึ่งในผู้ใช้บริการสักคนหนึ่งกล่าวว่า… ‘มันเป็นวิธีการช่วยเหลือที่ดีมาก เพราะตอนนี้ประเทศของเราประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรง อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด โดยเฉพาะเด็กๆ ที่นี่ก็ต้องการอุปกรณ์ในการเรียนอย่างมาก เพื่อนำไปเล่าเรียนหาความรู้กัน’ เธอกล่าว   โครงการนี้ตั้งอยู่ในเมือง Petare ประเทศเวเนซูเอล่า โดนมีความหวังว่าจะนำอุปกรณ์การเรียนเหล่านี้ไปแจกให้กับเด็กๆ ในสลัมของเมือง   ได้ทั้งรอยสักได้ทั้งบุญแบบนี้มีผู้สนใจมากมาย   เด็กในพื้นที่นี้มีจำนวนกว่า 500 คน และนี่คือเรื่องราวของช่างสักทั้ง 14 คนที่อุทิศเวลาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา…   ชมวิดีโอกันได้ที่นี่   เรื่องดีๆ แบบนี้แหละที่ทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นล่ะ ^^   ที่มา: Aplus