Tag: โรคเครียด

  • บริษัทญี่ปุ่น หวังนำเกม SPARX มาใช้เพื่อเยียวยาปัญหาความเครียดของคนในประเทศ

    บริษัทญี่ปุ่น หวังนำเกม SPARX มาใช้เพื่อเยียวยาปัญหาความเครียดของคนในประเทศ

    เราคงจะรู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศที่เป็นสูญรวมความเครียด และมีสถิติคนฆ่าตัวตายที่สูงมากๆ ด้วยปัญหาจากการทำงาน การใช้ชีวิตจึงเปลี่ยนคนมากมายให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าและเครียดเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้สาวชาวญี่ปุ่น Ayako Shimizu ผู้ก่อตั้งบริษัท Hikari Lab จึงเลงเห็นว่าเธอน่าจะหาวิธีแก้ปัญหาความเครียดของชาวญี่ปุ่นได้ด้วยการนำเกม SPARX ที่พัฒนาโดยประเทศนิวซีแลนด์มาให้เล่นกัน     หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเกมแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาความเครียดยังไง คำตอบคือเจ้าเกม SPARX นั้นเป็นตัวแทนของคำว่า Smart, Positive, Active, Realistic และ X-factor และเจ้าเกมนี้ก็ออกแบบมาเพื่อลดความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นเธอจึงคิดว่าเจ้านี้แหละที่จะมาช่วยจัดการปัญหาดังกล่าวได้   ภาพอาจจะดูไม่ค่อยสวย เพราะเป็นเกมที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2013 แล้วนั่นเอง   ส่วนเหตุผลที่ทำไมจะต้องนำเกมดังกล่าวมาเป็นตัวช่วยในการจัดการความเครียดนั้น Ayako Shimizu บอกว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้นการจะพูดคุยกับคนอื่นหรือระบายความเครียดให้คนอื่นฟังเป็นเรื่องยากมาก กลับกันในประเทศอื่นๆ เช่น Australia ที่เธอได้ไปอยู่มาราวๆ 1 ปีเต็มๆ เธอกลับบอกว่าที่นั้นมีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ทำให้ปัญหาความเครียดมีน้อยกว่าประเทศบ้านเกิดเธอมากๆ   คลิปจากทาง Hikari Lab ที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานในญี่ปุ่นมันเครียดขนาดไหน   และด้วยความที่เธอศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือที่เรียกว่า การบำบัดด้วยความรู้ ซึ่งตรงกับเกมดังกล่าวที่บำบัดด้วยความรู้ภายในเกมเช่นกัน เธอจึงติดต่อไปยังผู้พัฒนาเกมที่มหาวิทยาลัย Auckland เพื่อขอลิขสิทธิ์ในการนำมาพัฒนาเป็นภาษาญี่ปุ่น ยังไงก็ตามตัวเกมฉบับออริจินัลนั้นยังเล่นได้เพียงในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น การเอามาพัฒนาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…

  • แม่ถูกวินิจฉัยเป็นโรคเครียดนานกว่า 2 ปี ก่อนจะมารู้ว่าเป็นมะเร็ง และอยู่ได้อีกแค่ 2 เดือน!!

    แม่ถูกวินิจฉัยเป็นโรคเครียดนานกว่า 2 ปี ก่อนจะมารู้ว่าเป็นมะเร็ง และอยู่ได้อีกแค่ 2 เดือน!!

    เวลาป่วยหรือเป็นอะไรขึ้นมา การไปหาหมอนั้นถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเมื่อรู้ว่าเป็นโรคอะไรแล้วก็ได้จะรักษาอย่างถูกวิธี แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับตรงกันข้ามกับคุณแม่ท่านนี้ เธอถูกหมอวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคเครียดมานานกว่า 2 ปี ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าเธอเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และจะอยู่ได้อีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น Tina Locke เป็นผู้เสียหายจากการวินิจฉัยโรคผิด ทำให้เธอต้องทรมานจากการกระเพาะอาหารและหน้าอกเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเครียด และไม่ได้รับการักษาที่ถูกต้อง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา Tina ได้กินแค่ยาต้านอาการซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว นอกนั้นเป็นการรักษาเกี่ยวกับความวิตกกังวลและอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง     แต่การรักษาเหล่านี้ไม่ได้ใช่ช่วยให้เธอดีขึ้นเลย จนกระทั่งการตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดกลับพบว่า เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โดยมะเร็งได้ลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและช่องท้อง โอกาสรอดทางเดียวคือต้องไปรักษาภูมิคุ้มกันที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 13,000,000 บาท ทางด้าน Jason ผู้เป็นสามีบอกว่า “เธอไม่รับการตรวจอย่างจริงจัง เพราะดูจากภายนอกแล้วเธอดูสุขภาพดี ในขณะที่ Tina ก็ได้พยายามบอกให้หมอทำการตรวจซ้ำอย่างละเอียดหลายครั้งมาก” ทั้งหมดนี้เกิดจากความผิดพลาดของทางองค์กร NHS (ระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ) ดังนั้นตอนนี้ทางครอบครัวจึงได้เรียกร้องให้ NHS ออกมารับผิดชอบ และจะประท้วงจนกว่า Tina จะได้ไปรักษาที่เยอรมนี แต่การรักษาดังกล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่จะยืดอายุเธอให้นานกว่า 2 เดือนเท่านั้นเอง ล่าสุดทาง NHS ออกมาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากสถาบันการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดของสหราชอาณาจักร     แต่ทางครอบครัวได้ออกมาเรียกร้องให้ NHS…

  • นักเขียนสาวไต้หวันฆ่าตัวตาย เผยเรื่องจริงอันขมขื่น ผ่านนิยายเล่มแรกที่เพิ่งวางขาย…

    นักเขียนสาวไต้หวันฆ่าตัวตาย เผยเรื่องจริงอันขมขื่น ผ่านนิยายเล่มแรกที่เพิ่งวางขาย…

    หลินอีว์หาน นักเขียนสาวดาวรุ่งวัย 26 ปี ชาวไต้หวันได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากที่ผลงานเขียนชิ้นแรกของเธอที่ชื่อว่า Fang si Chi’s First Love Paradise เพิ่งจะวางขายจนเป็นนิยายขายดีอันดับต้นๆ ได้ไม่นาน และกำลังตีพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ทางด้านพ่อแม่ของเธอก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุการแขวนคอตายของลูกสาวว่า เธอน่าจะทำไปเพราะความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานานและไม่ได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าทั่วไป     เดิมทีตัวเธอเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี นอกจากนั้นคนในครอบครัวของเธอก็ทำงานสายอาชีพแพทย์กันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือพี่ชายของเธอก็ตาม ส่วนตัวหลินเองก็ไม่ได้น้อยหน้าแต่อย่างใด เพราะเธอเป็นคนที่หัวดี เคยทำคะแนนสอบได้มากถึง 75% จนสามารถเข้าเรียนคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ได้ แต่ทว่าเธอก็ต้องพักการเรียนไปหลังจากเข้าเรียนได้ 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลจากการที่เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้า     จากนั้นไม่นานเธอก็หันไปเรียนด้านวรรณคดีจีนแทน แต่หลังจากที่เธอเรียนไปได้เป็นเวลา 1 ปี เธอก็ตัดสินใจที่จะหยุดเรียนอีกครั้งหนึ่งด้วยสาเหตุเดิม นั่นก็คือสภาพจิตใจของเธอที่ย่ำแย่มากๆ จนกระทั่งคิดฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันมองว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง แต่ก็ฉันก็มีความฝันอยากจะเขียนหนังสือให้ได้เหมือนกับ เคนซาบุโร โอเอะ (นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น) ซึ่งฉันก็พยายามพัฒนาตัวเองโดยเริ่มจากการอ่านหนังสือ เพื่อให้เข้าถึงวัฒนธรรมต่างๆ และเพิ่มพูนความรู้”   .   ตามรายงานจากเว็บไซต์ Koalasplayground บอกว่าเนื้อหาเกี่ยวนิยายดังกล่าวที่เธอเป็นคนแต่งขึ้นมา…