พบโครงกระดูกอายุ 5,900 ปี เก่าแก่ที่สุดในอเมริกากลาง เป็นของหญิงสาวผู้มีแขนใหญ่

ข่าวการค้นพบมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็มักจะเป็นข่าวที่น่าสนใจอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบในยุโรป เอเชีย หรือแอฟริกา และเมื่อล่าสุดนี้เอง ก็เป็นคราวของอเมริกากลางที่จะเป็นผู้ค้นพบมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดของตัวเองบ้างแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้เอง นักโบราณคดีก็ได้มีการค้นพบโครงกระดูกของหญิงสาวผู้ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่เมื่อ 5,900 ปีก่อน ที่ประเทศนิการากัว ทางตอนใต้ของอเมริกากลาง

 

 

จากการตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ โครงกระดูกที่พบเป็นของหญิงสาวผู้มีอายุอยู่ในช่วง 25-40 ปีในตอนที่เสียชีวิต สูงราวๆ 150 เซนติเมตร และมีแขนที่ค่อนข้างใหญ่ทั้งๆ ที่ตัวเล็กและรูปร่างบอบบาง

Mirjana Roksandic ศาสตราจารย์วิชามานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวินนิเพกในแคนาดาอธิบายว่า ที่แขนของเธอมีลักษณะเช่นนี้น่าจะมาจากการใช้แรงแขนอย่างหนักในตอนที่มีชีวิต เช่นการพายเรือหรือแบกของเป็นประจำ

นอกจากนี้ฟันของหญิงสาวเองยังมีร่องรอยการสึกหรออย่างมาก ซึ่งเป็นลักษณ์ของคนโบราณที่ทานสัตว์น้ำจำพวกมีเปลือกเป็นจำนวนมากอีกด้วย

 

 

Roksandic ยังบอกอีกว่าการค้นพบกระดูกของเธอเองก็นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว เนื่องจากตามปกติสภาพภูมิประเทศเขตร้อนนั้นมักจะไม่เหมาะกับการเก็บรักษาโครงกระดูกมนุษย์เป็นเวลานานๆ

เป็นไปได้ว่าที่โครงกระดูกมนุษย์ของเธอยังคงมีสภาพดีอย่างที่เห็นนั้น น่าจะมาจากสถานที่ และวิธีการฝัง โดยในกรณีนี้ ร่างของหญิงสาวถูกฝังในกองเปลือกหอย ซึ่งช่วยลดความเป็นกรดของดินได้

 

 

จริงอยู่ที่ว่ากระดูกที่พบนั้นเป็นโครงกระดูกที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกากลางก็ตาม แต่ก็น่าเสียดายที่โครงกระดูกมนุษย์โบราณของแถบนี้นั้นไม่ค่อยจะหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันมากนัก ทำให้บอกได้ยากว่าคนในแถบนี้นั้นในสมัยก่อนมีการใช้ชีวิตและประเพณีอย่างไร

สิ่งที่เราพอจะบอกได้จากสิ่งที่พบนั้นก็มีเพียงพวกเขาน่าจะเป็นนักตกปลา เก็บของป่า และชำนาญในการทำสวนก็เท่านั้น

 

 

ในปัจจุบันโครงกระดูกของหญิงสาวค้นนี้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมประวัติศาสตร์ CIDCA แห่งชายฝั่งทะเลแคริบเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการศึกษาโครงกระดูกที่พบนี้ต่อไป

 

ที่มา livescience

Comments

Leave a Reply