ย้อนรอย “คาร์ล แทนสเลอร์” นายแพทย์ผู้หลงรักคนไข้ จนอาศัยอยู่กับศพของเธอถึง 7 ปี

ว่ากันว่าความรักนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นเรื่องยากที่คนเราจะทำให้ปล่อยให้ความรักนั้นจากไป ดังนั้นในบางครั้งคนเราจึงมักทำอะไรที่ดูประหลาดเพื่อความรัก ซึ่งบางครั้งมันก็ประหลาดเกินไป

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1931 เมื่อ “คาร์ล แทนสเลอร์” นายแพทย์ชาวเยอรมนี ผู้ทำงานเป็นนักรังสีวิทยาในรัฐฟลอริดา เกิดหลงรักคนไข้หญิงคนหนึ่งในโรงพยาบาลเข้า

 

 

เธอคือหญิงสาวชาวคิวบา-อเมริกันวัย 22 ปีนามว่า “มาเรีย เอเลนา มิราโก เดอ โฮยอส” ผู้ซึ่งถูกส่งเข้ามายังโรงพยาบาลแห่งนี้จากอาการวัณโรคชนิดรุนแรง

ทันทีที่ได้เห็นหญิงสาว คาร์ลก็ตกหลุมรักเธอทันที โดยบอกว่าเธอนั้นเป็นเหมือนหญิงสาวในฝันไม่มีผิด ทำให้เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะรักษาเธอ นอกจากนี้เขายังเคยส่งของขวัญให้เธออยู่หลายครั้ง และถึงกับบอกรักหญิงสาวมาแล้วด้วย

 

 

โชคร้ายที่ในสมัยนั้นวัณโรคนับเป็นโรคที่รักษาได้ยากมาก ทำให้ในที่สุดเอเลนาก็เสียชีวิตไปหลังจากที่พวกเขาพบกันได้ไม่กี่เดือน พร้อมๆ กับความเศร้าเสียใจของคาร์ล

แต่แทนที่นี่จะเป็นจุดจบของความรัก คาร์ลกลับไม่ยอมแพ้แต่โดยดี เพราะเขานั้นถึงกับซื้อสุสานอย่างดีให้กับเอเลนา (โดยได้รับคำอนุญาตจากพ่อแม่ของเธอแล้ว) และมาหาเธอแทบทุกคืนราวกับเธอยังมีชีวิตอยู่

 

 

แถมความรักในศพของคาร์ลก็ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลยด้วย เพราะต่อให้วันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่หยุดที่จะมาหาเธอ จนถึงขั้นที่ว่าในปี 1933 เขาถึงกับขโมยศพของเอเลนาไปไว้ที่บ้านเลยทีเดียว

จริงอยู่ว่าเอเลนาจะเสียชีวิตมากกว่า 2 ปี แล้ว แต่ศพของเธอก็ได้รับการดูแลและซ่อมแซมเป็นอย่างดีโดยคาร์ล โดยมีการใช้ลวดและไม้แขวนประกอบกระดูก ใส่ตาปลอมให้ ไปจนถึงการเย็บศพ และฉาบปูนในบางแห่งเลย

 

 

คาร์ลนั้นถึงกับมีเครื่องบินเก่าที่ดัดแปลงเป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์แบบทำมือเลยด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนที่ทุ่มเทแบบสุดๆ จริงๆ

คาร์ลอยู่กับศพของเอเลนาร่วม 7 ปี ก่อนที่ครอบครัวของเธอจะเริ่มสงสัย และกว่าที่พวกเขาจะรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับร่างของลูกสาว มันก็ในปี 1940 เลยทีเดียว

 

 

จริงอยู่ที่การกระทำของคาร์ลนั้นเป็นการปล้นสุสาน แต่จากความสงสารของสาธารณชน จึงมีการลงความเห็นว่าเขามีอาการทางจิต และการที่คดีหมดอายุความไปแล้วก็ทำให้คาร์ลไม่ต้องรับโทษใดๆ ทั้งสิ้นจากการกระทำของเขา

สิ่งเดียวที่เป็นบทลงโทษของเขาก็คงเป็นการที่ร่างของเอเลนาถูกยึดกลับไป และนำไปฝังอีกครั้งโดยที่มีการป้องกันไม่ให้มีใครขโมยร่างของเธอไปได้อีกนั่นเอง

 

ที่มา allthatsinteresting

Comments

Leave a Reply