สรุปประเด็น ‘เฌอปราง BNK48’ ถูกเพจแอนตี้ตัดต่อภาพ เข้าแจ้งความเอาผิดทำให้เสียหาย

เมื่อวานนี้ (3 ธันวาคม 2561) เกิดเป็นกระแสภาพโจมตี ‘เฌอปราง BNK48’ หลุดไปทั่วสังคมออนไลน์ เผยให้เห็นเป็นภาพในไอจีสตอรี่ของเฌอปราง…

พร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ดิลโด้’ ซึ่งทำให้เกิดเป็นข้อถกเถียงกันอย่างรุนแรง ระหว่างกลุ่มแอนตี้และแฟนคลับเป็นวงกว้าง

 

จุดเริ่มต้นของเรื่อง

 

วันที่ 2 ธันวาคม 2561 เวลา 15.46 น. เพจหนึ่งในเฟสบุ๊คได้ทำการโพสต์ภาพพร้อมระบุว่า “เชี่ย จาก IG STORY มีรีโมทอะไรอยู่ข้างหลังเฌอวะนั่น”

มีผู้ร่วมแสดงความรู้สึกกว่า 4,200 ครั้ง แสดงความคิดเห็นรวม 5,500 ครั้ง และถูกแชร์ออกไปอีก 3,800 ครั้ง

ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชาวเน็ตที่เป็นฝั่งแอนตี้ เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ โดยที่ไม่ได้ทำการตรวจสอบก่อนว่าเป็นภาพจริงหรือภาพปลอม อีกทั้งยังถูกนำไปโพสต์ตามกลุ่มปิดต่างๆ อีกหลายกลุ่ม ถูกแพร่กระจายไปในวงกว้าง

 

ฝ่ายแฟนคลับอัพโหลดคลิปจริงที่ไม่มีตัดต่อ

 

ด้านฝั่งแฟนคลับของเฌอปราง และเมมเบอร์คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ มักจะนำคลิปต่างๆ ที่เมมเบอร์ได้อัพโหลดเอาไว้ในโซเชียลมีเดีย นำมาเผยแพร่กันอีกรอบผ่านเพจบ้านตัวเอง

 

 

ในกรณีนี้ ทางเพจ Cherprang BNK48 Thailand Fanclub ได้ทำการอัพโหลดสตอรี่ไอจีตัวเดียวกันกับภาพดังกล่าวที่เพจแอนตี้นำเสนอ ซึ่งไม่ได้ปรากฏสิ่งที่เรียกว่าดิลโด้ในคลิปนั้น

 

เฌอปรางเข้าแจ้งความกับทาง ปอท.


.

 

ล่าสุดนี้ ในวันที่ 4 ธันวาคม นางสาวเฌอปราง อารีย์กุล กัปตันวง BNK48 พร้อมกับนาย จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท BNK48 ออฟฟิศ จำกัด

ได้ทำการเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)

 

 

เฌอปราง เปิดเผยกับสื่อว่า ภาพตัดต่อนี้ถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์

และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะถูกตัดต่อรูปภาพในทำนองดังกล่าวหลายครั้งแล้ว อีกทั้งยังมีเมมเบอร์หรือสมาชิกในวงคนอื่นๆ ที่โดนแบบนี้ด้วยเช่นกัน

 

 

ทางต้นสังกัดได้ทำการรวบรวมหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว และในครั้งนี้มาเพื่อแจ้งความเอาผิดในส่วนของตัวเองก่อน เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง สำหรับเมมเบอร์คนอื่นๆ จะแจ้งความหรือไม่ ยังคงอยู่ในระหว่างการเจรจากันอยู่

 

 

ด้าน ปอท. ระบุว่ามีความผิดจริง ในข้อหานำเข้าข้อมูลเท็จ (ภาพตัดต่อ) ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หากใครที่แชร์หรือนำไปโพสต์ซ้ำจะมีความผิดด้วย ในส่วนของผู้ที่แสดงความคิดเห็นเชิงลบนั้น กำลังพิจารณาว่ามีความผิดหรือไม่

 

ในขณะที่ทางเพจต้นเรื่อง ยังคงโพสต์ในลักษณะยั่วยุอยู่

 

ที่มา: @BrightTV20, @khaosod, @cherprang.bnk48

Comments

Leave a Reply