“เอดูอาร์ท ไอน์สไตน์” ลูกชายผู้ถูกลืมของไอน์สไตน์ ผู้ใช้ชีวิตกว่าครึ่งในโรงพยาบาลจิตเวช

ว่ากันว่ายิ่งผู้เป็นพ่อทำตำนานไว้ยิ่งใหญ่เพียงไหน การที่ลูกจะสานต่อตำนานมันก็จะยิ่งยากขึ้นไปตามนั้น นั่นทำให้ลูกหลานของคนที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่มักจะถูกโลกใบนี้ลืมไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “เอดูอาร์ท ไอน์สไตน์”

 

 

เพราะในขณะที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์กลายเป็นบุคคลที่แทบจะไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จัก เอดูอาร์ท ไอน์สไตน์ ลูกชายของเขากลับมักถูกลืมว่ามีตัวตนอยู่เสมอไป

เอดูอาร์ท เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1910 โดยเป็นลูกชายคนสุดท้อง ในบรรดาลูกๆ ทั้งสามคนของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กับ มิเลวา มาริค ภรรยาคนแรกของเขา

 

เอดูอาร์ท กับพี่ชายของเขาฮันส์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

 

ตั้งแต่ยังเด็ก เอดูอาร์ท เป็นคนที่ขี้โรคมาก จนแม้แต่ตอนที่อัลเบิร์ตหย่ากับมาริคไปแล้ว อัลเบิร์ตยังเคยเขียนจดหมายว่าเขาเป็นห่วงพัฒนาการของเอดูอาร์ทมากๆ ให้กับเพื่อนร่วมงานเลยทีเดียว

น่าเศร้าที่ความกลัวของอัลเบิร์ตกลายเป็นจริงขึ้นมา เพราะแม้ว่าเอดูอาร์ทจะเติบโตขึ้นมาได้ก็ตาม แต่เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับโรคจิตเภทสคิซโซฟรีเนีย (Schizophrenia) ซึ่งเป็นโรคผิดปกติทางสมองเรื้อรังและร้ายแรง

 

มิเลวา มาริค และอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

 

เอดูอาร์ทต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชอยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยวิธีการรักษาที่ค่อนข้างโหดร้ายกับผู้มีปัญหาทางจิตในสมัยนั้นก็ทำให้อาการของเขามีแต่จะเลวร้ายลง

อัลเบิร์ตคาดว่าอาการของเอดูอาร์ทนั้นน่าจะมาจากพันธุกรรม และเขาก็รู้สึกโศกเศร้ากับอาการที่เอดูอาร์ทเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เอดูอาร์ทพยายามฆ่าตัวตายในปี 1930

แต่แล้วเรื่องราวก็ยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีกเมื่อในปี 1933 การมาของพรรคนาซีในเยอรมนีก็ทำให้ชาวยิวในยุโรปจำนวนมากเลือกที่จะหนีไปยังสหรัฐอเมริกา

 

 

แน่นอนว่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งเป็นชาวยิวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่แม้ว่าเขาและครอบครัวจะสามารถเข้าไปในสหรัฐอเมริกาได้ อาการทางจิตของเอดูอาร์ทกลับทำให้เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสหรัฐฯ

ในท้ายที่สุดอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และครอบครัวก็ต้องทิ้งเอดูอาร์ทเอาไว้ในโรงพยาบาลจิตเวชที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และแม้ว่าอัลเบิร์ตจะส่งเงินมาให้อยู่เสมอๆ ก็ตาม เอดูอาร์ทก็ไม่เคยได้พบกับอัลเบิร์ตอีกเลย

 

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และฮันส์ ในสหรัฐอเมริกา

 

เอดูอาร์ทเสียชีวิตไปเมื่ออายุได้ 55 ปีในปี 1965 ด้วยโรคหลอดเลือดสมอง และจากโลกใบนี้ไปโดยใช้ชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งในโรงพยาบาลและคลินิกจิตเวช

 

ที่มา allthatsinteresting

Comments

Leave a Reply