ย้อนรอย “Joachim Ronneberg” กับวีรกรรมขัดขวางการทำระเบิดปรมาณูของนาซี

เคยได้ยินเรื่องราวของ Joachim Holmboe Ronneberg กันไหม? เขาคือหนึ่งในกลุ่มต่อต้าน 8 คนของกองทัพนอร์เวย์ที่บุกเข้าไปขัดขวางแผนการทำระเบิดปรมาณูของกองทัพนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูเหมือนพล็อตหนังแอ็คชั่นมันส์ๆ สักเรื่องหนึ่งไม่มีผิด แต่เชื่อไหมว่าเขาคนนี้มีตัวตนอยู่จริง และการขัดขวางแผนการทำระเบิดปรมาณูที่ว่าก็เกิดขึ้นจริงๆ ด้วย

 

 

เรื่องของเรื่องคือในช่วงปี 1943 ทางนาซีได้เข้าใกล้ความสำเร็จในการทำอาวุธปรมาณูมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และการทดลองที่ว่านั่นก็จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมวลหนักเป็นส่วนประกอบสำคัญเสียด้วย

นั่นทำให้โรงงานที่สามารถผลิตน้ำมวลหนักอย่างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Vemork ในนอร์เวย์ กลายเป็นโรงงานสำคัญในการผลิตระเบิดปรมาณูของนาซีไป และกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของฝั่งสัมพันธมิตรมาเป็นเวลานาน

 

 

ปัญหาคือเจ้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำนี้มีการป้องกันที่ดีมากจนการโจมตีทางอากาศแทบไม่มีผล แถมทหารที่อังกฤษส่งมาเพื่อทำลายที่นี่โดยเฉพาะก็ดันทำงานพลาดอีก

แต่แล้วในตอนนั้นเอง Joachim Ronneberg ที่ในเวลานั้นอายุได้เพียง 23 ปีก็ได้รับการอนุญาตจาก Winston Churchill ให้นำทหาร 8 คน เข้าทำการจู่โจมโรงไฟฟ้าดังกล่าว

นี่คือ “ปฏิบัติการกันเนอร์ไซด์” ปฏิบัติการที่ทำให้ Ronneberg กลายเป็นตำนานของประเทศนอร์เวย์ไป

 

 

จริงอยู่ที่ว่าปฏิบัติการนี้ดูยังไงก็เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ แต่ Ronneberg และผองเพื่อนก็ตัดสินใจที่จะทำมันอยู่ดี พวกเขากระโดดร่มเข้าไปในพื้นที่ ใช้สกีเดินทางข้ามพื้นที่อันหนาวจัด จนในที่สุดก็มาถึงโรงไฟฟ้าจนได้

พวกเขารีบวางระเบิดที่โรงไฟฟ้าทันทีหลังจากนั้น และด้วยความเร็วของพวกเขานั้น กว่าที่ทหารนาซีในพื้นที่จะรู้ตัว ทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว

 

โรงงานที่สามารถผลิตน้ำมวลหนัก Vemork ในปัจจุบันได้ถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว

 

Ronneberg สามารถทำลายโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Vemork ลงได้ในวันนั้น แถมเขา ก็ยังสามารถรอดชีวิตหนีไปยังสวีเดนด้วยการสกีข้ามประเทศในระยะทางกว่า 300 กิโลเมตรอีกด้วย

จริงอยู่ว่าในเวลานั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าสิ่งที่ Ronneberg ทำนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน (แม้แต่ตัว Ronneberg) แต่แล้วเมื่อสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูลงสู่ญี่ปุ่น ทุกๆ คนก็รู้ตัวว่า Ronneberg นั้นได้ช่วยฝั่งสัมพันธมิตรไว้มากแค่ไหน

 

 

Joachim Ronneberg ได้รับรางวัลมากมายหลังจากที่สงครามจบลงและใช้ชีวิตเรื่อยมาจนกระทั่งเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาก็จากโลกใบนี้ไปด้วยวัย 99 ปี ทิ้งไว้ซึ่งวีรกรรมอันเป็นตำนาน ที่จะถูกจดจำไว้ไปอีกแสนนาน

 

 

ที่มา allthatsinteresting

Comments

Leave a Reply