“รูบี บริดเจส” เด็กหญิงผิวสีคนแรกที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนคนขาว และเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ

ในสมัยที่สังคมสหรัฐฯ ยังเต็มไปด้วยการเหยียดผิว มีกฎที่รู้กันเองในสังคมถูกกำหนดขึ้นเพื่อไม่ให้คนผิวดำได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการห้ามใช้รถไฟบางสาย การห้ามใช้ม้านั่ง หรือกระทั่งการเปิดโรงเรียนเฉพาะคนขาว

แต่ในบรรดาคนดำที่ในตอนนั้นยังจำใจก้มหน้ายอมรับความไม่เท่าเทียมอยู่ยังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมเหล่านั้น

 

 

เพราะนี่คือเรื่องราวของรูบี บริดเจส เด็กหญิงผิวสีคนแรกที่ได้สิทธิ์เข้าโรงเรียนประถมของคนผิวขาวเมื่อปี 1960 นั่นเอง

เดิมทีแล้วรูบี บริดเจสเป็นหนึ่งในเด็กแอฟริกันอเมริกันหลายคนที่เข้ารับการทดสอบความเหมาะสมว่าเธอจะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนคนขาวได้หรือไม่

โดยนี่เป็นการสอบข้อเขียนที่ขึ้นชื่อว่ายากมากๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กผิวสีสอบผ่านโดยเฉพาะ เพื่อเป็นข้ออ้างให้โรงเรียนในนิวออร์ลีนส์สามารถแบ่งแยกสีผิวได้นานขึ้นอีกสักนิด

 

 

อย่างไรก็ตามในบรรดาคนที่สอบตกนั้นยังมีเด็กผิวสีถึงหกคนที่สามารถผ่านบททดสอบเหล่านี้ได้ด้วยดี และแน่นอนว่ารูบีก็เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านั้น โดยเธอได้รับสิทธิ์เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม William Frantz ที่อยู่ใกล้ๆ บ้านนั่นเอง

ภาพการเดินทางไปเข้าเรียนของรูบีในวันที่ 14 พฤศจิกายน 1960 นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพที่เปลี่ยนแปลงสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้ เพราะรัฐนิวออร์ลีนส์นั้นมีชื่อเสียงเรื่องรังเกียจคนดำสุดๆ มาก่อนด้วย

 

 

แน่นอนว่าการมาของรูบีไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ปกครองอื่นๆ เท่าไหร่ เพราะมีผู้ปกครองจำนวนมากที่พาเด็กๆ กลับบ้านทันทีหลังจากที่เห็นเธอ แถมทั้งโรงเรียนยังแทบไม่มีอาจารย์คนไหนยอมสอนเธอเลยด้วย

คนคนเดียวที่สอนเธอไปตามปกติคือ Barbara Henry ที่มาจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซต และตัดสินใจสอนเธอต่อไป แม้ทั้งห้องจะมีเธอคนเดียวก็ตาม

 

 

จริงอยู่ว่าหลายวันหลังจากนั้นผู้ปกครองอื่นๆ ก็เริ่มพาเด็กกลับมาเรียนแต่ก็เป็นการมาพร้อมการประท้วงครั้งใหญ่ โดยทุกๆ ครั้งที่เด็กหญิงมาเรียนจะต้องมีคนมาชูป้ายต่อต้านเป็นจำนวนมาก

เด็กหญิงถูกห้ามทานอาหารของโรงเรียน แถมการต่อต้านยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่พ่อของเธอถูกไล่ออกจากงานและร้านค้าในเมืองก็แบนครอบครัวของเธอจากการซื้อของเลยด้วย

 

 

ถึงอย่างนั้นก็มีฝ่ายที่สนับสนุนพวกเธออยู่เช่นกัน โดยผู้ปกครองบางคนก็ตัดสินใจที่จะให้ลูกๆ มาเรียนกับเด็กหญิงตามปกติ มีคนมาช่วยเฝ้าบ้านและดูแลเธอเวลาไปเรียน แถมยังมีคนรับพ่อของเธอไปทำงานด้วยกันอีก

ความตั้งใจของรูบีเริ่มแสดงผลหลังจากนั้น โดยเมื่อเธอเรียนอยู่ที่โรงเรียนไปเรื่อยๆ  การประท้วงก็ค่อยๆ หายไป แถมยังมีเด็กๆ ทั้งผิวขาวและผิวสีมาเรียนรวมกันมากขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้

 

 

รูบีสำเร็จการศึกษาในเวลาต่อมา และเติบโตไปในสหรัฐอเมริกาที่การเหยียดสีผิวลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะบอกว่าเป็นรางวัลของเธอก็ไม่ผิดนัก เพราะนี่คือสถานที่ซึ่งเด็กหญิงมีส่วนร่วมในการสร้างขึ้นโดยตรงนั่นเอง

 

ที่มา rarehistoricalphotos, womenshistorybritannica

Comments

Leave a Reply