นักโบราณคดีพบโครงกระดูกครอบครัวนอนกอดกันในปอมเปอี คาดเสียชีวิตจากภูเขาไฟระเบิด

นับตั้งแต่ที่โดเมนีโก ฟอนตานาค้นพบซากเมืองปอมเปอีในช่วงศตวรรษที่ 16 เวลาก็ผ่านเลยมาแล้วกว่า 300 ปี ถึงอย่างนั้นเราก็ยังมีการค้นพบอะไรใหม่ๆ ในเมืองแห่งนี้อยู่เรื่อยๆ แม้แต่ในปัจจุบัน

และล่าสุดนี้เองก็ได้มีการค้นพบครั้งใหม่เกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้อีกครั้ง โดยคราวนี้นักโบราณคดีได้พบกับโครงกระดูกจำนวนหนึ่งซึ่งถูกฝังอยู่ที่ห้องเล็กๆ ในมุมหนึ่งของเมืองปอมเปอี

 

 

นี่เป็นโครงกระดูกที่เชื่อกันว่าเป็นของครอบครัวคนสมัยก่อนที่เสียชีวิตไปในขณะที่กำลังกอดกัน ในเหตุการณ์ภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดเมื่อปีคริสต์ศักราชที่ 79

โดยจากการรายงานของทางสื่อของอิตาลี โครงกระดูกที่พบเป็นของคนห้าคน ซึ่งประกอบด้วยผู้หญิงสองคน และเด็กอีกสามคน ซึ่งเป็นไปได้ว่าหนีเข้าไปในห้อง และมีร่องรอยของการนำเฟอร์นิเจอร์ไปกั้นประตูไว้ด้วย

 

 

โชคร้ายที่หลังคาของห้องที่ครอบครัวนี้เข้าไปหลบไม่แข็งแรง มันจึงพังลงมาทับร่างของพวกเธอ ก่อนที่ความร้อนจากภูเขาไฟจะเผาร่างของครอบครัวผู้โชคร้ายไป

เป็นเรื่องแปลกมากที่โครงกระดูกที่พบนั้นไม่ได้ถูกรบกวนหรือเคลื่อนย้ายเลยตลอดเวลาเกือบ 2,000 ปีที่ผ่านมา เพราะบริเวณที่มีการพบโครงกระดูกเหล่านี้นับว่าเป็นพื้นที่ที่มีโจรบุกรุกเข้ามาอยู่บ่อยครั้งในสมัยก่อน

 

 

ในบริเวณใกล้ๆ กับห้องที่มีโครงกระดูก นักโบราณคดียังมีการค้นพบเหรียญเงินจากศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นหลักฐานอย่างดีว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยมีโจรผ่านมาสำรวจหาของมีค่า

และแม้ว่าการค้นพบโครงกระดูกในครั้งนี้จะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มาก แต่มันก็ไม่ใช่การค้นพบสำคัญๆ เพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้

 

 

เพราะเมื่อไม่นานมานี้ มีการค้นพบร่องรอยบันทึกบนผนังที่อาจจะเป็นหลักฐานอย่างดีที่จะล้มล้างแนวคิดที่ว่าภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดขึ้นในเดือนสิงหาคมอีกด้วย

(อ่านข่าวเกี่ยวกับการค้นพบที่ว่าได้ที่นี่ ข้อความบนผนังจากอดีตเผย “ภูเขาไฟวิสุเวียส” อาจปะทุช้ากว่าที่เราคาดการถึง 2 เดือน)

 

 

โดยการค้นพบทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจครั้งใหญ่ในเมืองปอมเปอี ซึ่งเป็นการสำรวจครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ช่วงยุค 50 เลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามแม้จะมีการสำรวจมาหลายครั้ง แต่เมืองปอมเปอีก็ยังคงเหลือพื้นที่อีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เคยถูกสำรวจมาก่อนอยู่ดี

 

ที่มา allthatsinterestingiflscience

Comments

Leave a Reply