“การลุกฮือของดาโคตา” สงครามชนพื้นเมือง ซึ่งนำไปสู่การประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ

ในปี 1862 สหรัฐอเมริกา ต้องพบการการลุกฮือของกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันจากเผ่าดาโคตาที่รัฐมินนิโซตา และนำไปสู่สงครามที่มีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายรวมกันนับพัน

 

 

นี้เป็นสงครามที่ทางสหรัฐฯ บอกว่าเกิดจากการที่เผ่าดาโคตาบุกโจมตีประชาชนจำนวนมาก และนำไปสู่การประหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และการขับไล่ชนเผ่าดาโคตาออกไปจากมินนิโซตาในเวลาต่อมา

แต่หากมองให้ลึกลงไปแล้ว สงครามครั้งนี้มีที่ไปที่มามากกว่าที่เราคิด เพราะเมื่อปี 1805 เผ่าดาโคตาเคยทำสนธิสัญญากับทางสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนพื้นที่กว่า 400 ตารางกิโลเมตร กับเงินและอาหารจากทางสหรัฐฯ

 

 

ปัญหาคือแทนที่พวกเขาจะได้รับเงินและอาหารตามสัญญา ทางสหรัฐฯ กลับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา และส่งเงินไปให้คนขาวในพื้นที่ซึ่งคอยขายสินค้าให้เผ่าดาโคตาแทน

เผ่าดาโคตาจึงต้องอยู่แบบขาดแคลนทั้งพื้นที่ทำกินและอาหารที่จะช่วยประทังชีวิต ดังนั้นเมื่อเกิดโรคระบาดในพืชพันธุ์เมื่อปี 1861 เผ่าดาโคตาจึงตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

นั่นทำให้ในปี 1862 ชาวดาโคตา “ส่วนหนึ่ง” จึงตัดสินใจโจมตีคนขาวในพื้นที่ เป็นไปได้ว่าเพื่อขโมยอาหารและล้างแค้นทางสหรัฐฯ

การต่อสู้เล็กๆ บานปลายไปเป็นสงครามเต็มรูปแบบหลังจากนั้น และถึงแม้ว่าในที่สุดสหรัฐฯ จะกำราบเผ่าดาโคตาลงได้ แต่พวกเขาก็ต้องเสียประชาชนที่ไม่มีทางสู้ไปถึง 450-800 ราย

นี่ไม่ใช่การกระทำที่คนในประเทศจะยอมรับได้ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา อับราฮัม ลินคอล์น จึงต้องเข้าร่วมในการตัดสินโทษผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรมสงครามชาวเผ่าดาโคตากว่า 300 คนหลังสงครามจบ

ว่ากันว่ามันเป็นการตัดสินโทษที่ไม่มีทั้งทนายและพยานของฝ่ายดาโคตา จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการลงความเห็นภายเดียวของทางสหรัฐอเมริกาเลยด้วยซ้ำ

 

 

ท้ายที่สุดแล้วชาวเผ่าดาโคตา 39 คนก็ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ และชาวเผ่าที่เหลือถูกขับไล่ออกไปจากพื้นที่

แต่แทนที่จะร้องขอชีวิต ชาวเผ่าดาโคตาที่กำลังจะถูกประหารชีวิต กลับจับมือกันและร้องเพลงประจำเผ่าเป็นครั้งสุดท้าย

เรื่องราวการลุกฮือของชาวเผ่าดาโคตาในประวัติศาสตร์จบลงอยู่เพียงเท่านั้น โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า หลังจากที่ชนเผ่าถูกขับไล่ออกไปจากพื้นที่นั้น จะมีสมาชิกเผ่าอีกเท่าไหร่ที่ต้องเสียชีวิต

 

ที่มา allthatsinterestingusdakotawar, libguides

Comments

Leave a Reply