“คดีล่าแม่มดแห่งซาเลม” ว่ากันว่าเป็นการล่าแม่มดที่มีชื่อเสียงที่สุดของสหรัฐฯ ในอดีต โดยเป็นการกล่าวหาเด็กๆ ในหมู่บ้านว่าถูกปีศาจสิง และเหล่าผู้หญิงในหมู่บ้านเป็นแม่มด
(อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เปิด “คดีล่าแม่มดแห่งซาเลม” ตัวอย่างความเลวร้ายจากความเชื่อและการกล่าวหาผู้อื่น)
แต่เพื่อนๆ รู้กันหรือไม่ว่าในบรรดาคนในหมู่บ้านที่โดนจับไปขัง ไม่ก็โดนประหารไปนั้น ยังมีทาสคนหนึ่งที่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาส โดยอาศัยการล่าแม่มดที่ไม่เป็นธรรมครั้งนี้อยู่ด้วย
ชื่อของเธอคือ “ทิทูบา” หญิงสาวสายเลือดอินเดียนแดงที่เดินทางมายังบอสตัน ในฐานะทาสของ ซามูเอล ฟาริส นักธุรกิจที่ร่ำรวยและรัฐมนตรีของซาเลม เมื่อปี 1680
ทิทูบา รับหน้าที่ดูแลลูกสาววัยเก้าขวบของซามูเอลที่ชื่อ อลิซาเบธ แพร์ริส หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เบ็ตตี้” หนึ่งในสองเด็กสาวที่เป็นจุดเริ่มต้นของคดีล่าแม่มดแห่งซาเลมนั่นเอง
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในปี 1692 ในตอนที่เด็กๆ ในหมู่บ้านซึ่งเป็นเพื่อนของเบ็ตตี้ได้กล่าวหาว่าเธอและหญิงสาวอีกสามคนเป็นแม่มด โดยอ้างว่าเธออบ “เค้กแม่มด” ให้เบ็ตตี้ทาน
แต่แทนที่จะเอาความเจ็บแค้นไปลงกับเด็กๆ ทิทูบากลับมองเห็นการกล่าวหาในครั้งนี้ว่าเป็นโอกาส ทำให้ในบรรดาผู้หญิงที่โดนสอบสวน มีเพียงทิทูบาเท่านั้นมียอมรับว่าตัวเองเป็นแม่มด
“มีปีศาจมาหาฉันและความคุมให้ฉันทำงานให้” หญิงสาวกล่าว ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวที่สมจริงมากจนทุกคนเชื่อจริงๆ ว่าเธอเป็นแม่มด โดยอ้างว่าถ้าเธอไม่ทำตามที่ปีศาจ (ที่เป็นชายผมขาว) สั่งเธอจะต้องตาย
หญิงสาวถึงกับอ้างชื่อของผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือด้วย โดยบอกว่าเธอนั้นมี “หนังสือ” ที่ระบุชื่อของคนที่ร่วมมือกับปีศาจอยู่ จนชาวบ้านหวาดกลัวเป็นอย่างมากและถามหาแม่มดคนอื่นๆ กับเธอ
นั่นทำให้หญิงสาวกลายเป็นผู้ให้ความร่วมมือคนสำคัญของศาล จนทำให้เธอได้รับการละเว้นโทษประหาร ผิดกับผู้โดนกล่าวหาคนอื่นๆ
ว่ากันว่าการกระทำของทิทูบานั้นมีเหตุผลเพื่อที่จะล้างแค้นซามูเอล ฟาริสผู้ที่ทำให้เธอต้องเป็นทาส และในขณะเดียวกันก็ล้างแค้นคนในหมู่บ้านที่ปฏิบัติตัวไม่ดีกับเธอในเวลาเดียวกัน
ซึ่งถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงคงต้องบอกว่าการล้างแค้นครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงเลยก็ไม่ผิดนัก เพราะนอกจากทิทูบาจะสามารถเรียกชื่อใครไปตายก็ได้ (ด้วยการกล่าวหา) แล้ว เธอยังเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากการล่าแม่มดครั้งนี้ด้วย
เพราะหลังจากที่ออกจากได้คุกแล้ว ทิทูบาก็หายตัวไปจากหมู่บ้านพร้อมๆ กับสามี และไม่มีใครพบพวกเธออีกเลย ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณของคนที่เธอกล่าวหาจนโดนจับแขวนคอเท่านั้น
ที่มา allthatsinteresting, smithsonianmag, historyofmassachusetts
Advertisement