เปิดที่มาของ “ดอกไม้ไฟ” ความงดงามแห่งท้องฟ้างานเทศกาล ที่อยู่คู่กับมนุษย์มานาน

ในหลายๆ ประเทศของโลก งานเทศกาลมักจะมากับดอกไม้ไฟอันงดงาม แถมในบางครั้งยังสามารถทำออกมาเป็นสีและรูปร่างต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย

ว่าแต่เคยสงสัยกันไหมว่าดอกไม้ไฟนั้นมันมาจากไหนกันแน่

 

 

ว่ากันว่าดอกไม้ไฟถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศจีน ไม่ก็อินเดีย หรือตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของดอกไม้ไฟที่เคยมีการค้นพบนั้น มาจากประเทศจีนในช่วงปีคริสต์ศักราชที่ 800 โดยเป็นการผสมเกลือ กำมะถัน และถ่านเพื่อสร้างดินปืนดิบอย่างง่าย

ดูเหมือนว่าเดิมทีแล้ว นี่จะเป็นการทดลองเพื่อค้นหายาอายุวัฒนะ แต่ก็กลายเป็นว่าพวกเขาได้ผลิตสิ่งอื่นขึ้นมาแทน มันเป็นผงประหลาดที่จะระเบิดอย่างแรงเมื่อติดไฟ และนำมาซึ่งความเชื่อที่ว่าดินปืนที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้น อาจมีอำนาจใช้ไล่วิญญาณร้ายได้นั่นเอง

 

 

นั่นทำให้คนจีนเริ่มใช้ดินปืนกันอย่างแพร่หลาย โดยในช่วงแรกๆ พวกเขาจะเอาดินปืนไปใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่ และจุดไฟจนเกิดเป็นเสียงดัง ก่อนที่จะพัฒนาไปใช้กระดาษห่อดินปืนและทำชนวนจนกลายเป็นประทัดในเวลาต่อมา

กระทั่งในช่วงศตวรรษที่ 10 พวกเขาก็เอาประทัดไปติดไว้กับธนูเพื่อการสงคราม และพัฒนาต่อยอดเป็นพลุที่สามารถยิงใส่ศัตรูโดยไม่ต้องพึ่งธนูในเวลาราวๆ 200 ปีต่อมา และกลายเป็นต้นกำเนิดของดอกไม้ไฟอย่างที่พวกเราคุ้นเคยกัน

ดอกไม้ไฟแพร่เข้าไปในยุโรปในปี 1295 จากการเดินทางของมาร์โค โปโล (ซึ่งในสมัยนั้น แม้จะมีหลักฐานการใช้ดินปืนอยู่แล้วแต่ไม่ใช่กับดอกไม้ไฟ) ทำให้การมาของดอกไม้ไฟในครั้งนี้เชื่อกันว่าช่วยให้ทางตะวันตกพัฒนาอาวุธที่ทรงพลังที่สุดชิ้นหนึ่งของโลกอย่าง “ปืน” นั่นเอง

 

 

แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังใช้ดอกไม้ไฟในการเฉลิมฉลองซึ่งเป็นจุดประสงค์จริงๆ ที่นำมาตอนแรกเช่นกัน และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเมื่อชาวยุโรปเดินทางไปยังโลกใหม่ (ทวีปอเมริกา) พวกเขาก็เอาดอกไม้ไฟไปด้วย

และแม้ว่าในปัจจุบัน หลายๆ ที่บนโลกจะมีการออกข้อกฎหมายควบคุมการเล่นดอกไฟ้ไฟเนื่องจากการใช้ดอกไม้ไฟ “ในทางที่ไม่เหมาะสม” ก็ตาม แต่ดอกไม้ไฟก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขและสนุกสนานที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนานอยู่ดี

 

 

ที่มา livescienceSmithsonian และ history

Comments

Leave a Reply