นักวิทย์พบ หลักฐานสาวลูกครึ่งคนแรกของโลก เป็นมนุษย์โบราณอายุกว่า 50,000 ปี

เมื่อหลายปีก่อนเคยมีกระแสหนุ่มสาวลูกครึ่งมาแรงอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่พวกเขาหลายๆ คนมักได้รับลักษณะเด่นๆ ของฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่มา ทำให้เด็กลูกครึ่งมักจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีในสายตาคนทั่วไปได้ไม่ยากเลย

แต่เชื่อหรือไม่ว่าเด็กลูกครึ่งมีมานานกว่าที่เราคิด แถมไม่ใช่แค่ร้อยสองร้อยปี แต่มีมายาวนานอย่างน้อยๆ ก็ 50,000 ปีเลยทีเดียว

นี่เป็นผลการวิจัยที่สืบเนื่องมาจากการค้นพบฟอสซิลมนุษย์โบราณจำนวนมากที่ถ้ำ Denisova ในปี 2012 โดยหนึ่งในกระดูกที่พบซึ่งเป็นของเด็กสาววัย 13 ปีที่เกิดมาเมื่อ 50,000 ปีก่อน ได้ถูกนำไปตรวจสอบ DNA และพบว่าเธอมีเชื้อสายมาจากทั้งมนุษย์โบราณสายพันธุ์ Neanderthals และสายพันธุ์ Denisovans นั่นเอง

ถ้ำ Denisova สถานที่ที่มีการขุดพบฟอสซิลมนุษย์โบราณ

จากการตรวจสอบเชื่อว่าเด็กสาวคนที่พบน่าจะมีมารดาเป็น Neanderthals และบิดาเป็น Denisovans ซึ่งแม้ที่ผ่านๆ มาทั้งสองสายพันธุ์อาจจะเคยติดต่อข้ามสายพันธุ์มาก่อน (ทฤษฎีจาก DNA ของมนุษย์ในปัจจุบัน) แต่เด็กสาวคนนี้ก็เป็นหลักฐานเก่าแก่ที่สุด ที่เคยมีการค้นพบของเด็กลูกครึ่งเลย

จริงอยู่ว่าทั้งสายพันธุ์ Neanderthals และ Denisovans จะปรากฏตัวมาบนโลกตั้งแต่เมื่อ 390,000 ปีก่อนแล้วก็ตาม แต่ข้อมูลของสายพันธุ์ Denisovans ที่เราทราบในปัจจุบันก็มีอยู่น้อยมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลักฐานการมีอยู่ของสายพันธุ์ Denisovans มีเพียงแค่กระดูกนิ้วมือ ฟัน และกระดูกส่วนขา ที่มีการขุดพบในภูเขาอัลไตเท่านั้น

ภูเขาอัลไต บ้านหลังแรกๆ ของสายพันธุ์มนุษย์

ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงไม่ทราบมาก่อนเลยว่า Neanderthals และ Denisovans จะเคยอาศัยอยู่ในที่เดียวกัน

อย่างไรก็ตามจาก DNA ของหญิงสาวลูกครึ่งที่พบ ทำให้ทางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าบรรพบุรุษของมนุษย์อาจเคยผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์มานานกว่าที่คิด เพราะนอกจากตัวหญิงสาวลูกครึ่งที่มีการพบเองแล้ว ยังมีความเป็นไปได้สูงมากว่าผู้เป็นบิดาของเธอเองก็เป็นลูกครึ่ง Neanderthals และ Denisovans เช่นกัน

กระดูกของหญิงสาวลูกครึ่งที่ขุดพบ

จริงอยู่ที่ทั้งเผ่าพันธุ์ Neanderthals และ Denisovans จะสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อราวๆ 40,000 ปีก่อน แต่พวกเขาก็ทิ้งร่องรอยของการมีอยู่ไว้ในมนุษย์ยุคปัจจุบันเช่นกัน โดยชาวออสเตรเลียอะบอริจิน ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมลานีเซีย และปาปัวนิวกีนี ล้วนแต่มี DNA ของเผ่าพันธุ์ Denisovans อยู่ในสายเลือดทั้งสิ้นนั่นเอง

ไม่แน่ว่ามนุษย์ในปัจจุบัน อาจมาจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์อย่างซับซ้อนเลยก็เป็นได้

ซึ่งหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเราทุกคนก็นับว่าเป็นลูกครึ่งดีๆ นี่เอง

ที่มา abc, livescience