คฤหาสน์หลังใหญ่มี 250 ห้อง บนพื้นที่กว่า 310,000 ไร่ กว้างใหญ่ที่สุดในอเมริกา!!

เราอาจเคยฝันอยากมีบ้านหรูอยู่กินสบายไปตลอดชีวิต แต่เชื่อว่าบ้านที่เราฝันกันเอาไว้อาจไม่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับคฤหาสน์หลังนี้อย่างแน่นอน

นี่คือคฤหาสน์ที่มีชื่อว่า Biltmore Estate ภายในมีห้องรวมทั้งหมด 250 ห้อง บนพื้นที่ราวๆ 316,250 ไร่ เรียกได้ว่ากว้างใหญ่ที่สุดในอเมริกา

 

Blitmore Estate

.

 

George Washington Vanderbilt II คือชายผู้เกิดในปี 1862 และเขาคือผู้ซื้อที่ดินทั้งหมดและสร้างคฤหาสน์อันยิ่งใหญ่หลังนี้ขึ้นมา

ชายคนนี้จะนับว่าโตมาในครอบครัวมหาเศรษฐีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารเงินมาตั้งแต่ยังเด็ก สืบทอดธุรกิจสิ่งต่างๆ มาจากพ่อของเขา รวมถึงการอ่านหนังสือมานับพันๆ เล่ม

 

.

 

เมื่อพ่อจากโลกนี้ไป George ก็ได้รับมรดกมาเป็นจำนวนเงินหลายล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินบาทก็คงจะหลายร้อยล้าน หรืออาจถึงพันล้านบาท)

พอเขาอายุได้ 25 ปี เขาก็หวังที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้กลายเป็นเจ้าของที่ดินที่กว้างใหญ่ที่สุดในอเมริกา

George ตัดสินใจซื้อที่จำนวนราวๆ 316,250 ไร่ ซึ่งนั่นรวมไปถึงภูเขา Mount Pisgah ทั้งลูก

 

.

 

หลังจากนั้น เขาก็ได้ว่าจ้าง Richard Morris Hunt ในการช่วยออกแบบและสร้างบ้านในฝันของเขาขึ้นมา

คฤหาสน์หลังนี้ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 6 ปี พวกเขาถึงกับสร้างรางรถไฟส่วนตัวเพื่อใช้ในการขนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ

 

 

เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านแทบทุกชิ้น เป็นสิ่งที่ George เลือกซื้อมาด้วยตัวของเขาเอง อันเป็นผลมาจากการที่เขาชอบเดินทางไปยังประเทศต่างๆ อย่างนับครั้งไม่ถ้วน ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาหลายพันชิ้น

แล้วบ้านในฝันของเขาก็แล้วเสร็จในช่วงคริสต์มาสอีฟปี 1895 ผู้คนต่างแห่กันมาร่วมงานคริสต์มาสที่เขาจัดขึ้น พร้อมทั้งชื่นชมความหรูหราสวยงามทั่วทั้งคฤหาสน์ที่เขาตกแต่งไว้

 

.

 

พื้นที่ของคฤหาสน์กว่า 10 ไร่ทำให้มีห้องรวมกันมากถึง 250 ห้อง แบ่งเป็นห้องนอน 35 ห้อง ห้องน้ำ 43 ห้อง เตาผิงอีก 65 จุด รวมถึงลานโบว์ลิ่ง สระว่ายน้ำในอาคาร ห้องบิลเลียด และอื่นๆ

นอกจากนั้น สนามหญ้าของเขาก็ยังได้รับการออกแบบจากศิลปินชื่อดังอย่าง Frederick Law Olmsted ผู้สร้างผลงานสวนสาธารณะ New York’s Central Park

 

.

 

หลังจากนั้น George ก็ได้ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ภายในคฤหาสน์แห่งนี้ ทั้งช่วงเวลาที่ยังเป็นโสด ไปจนถึงตอนที่เขาได้ครองคู่กับ Edith ภรรยาสุดที่รัก

ท้ายที่สุด George ได้จากโลกนี้ไปในปี 1914 และภรรยาของเขาก็ได้ขายที่ดินไปทั้งหมด 217,580 ไร่ ตามความประสงค์ของ George เอง

 

 

ปัจจุบันคฤหาสน์แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนผลงานศิลปะอันยิ่งใหญ่ที่เขาทิ้งไว้ให้กับคนรุ่นหลัง เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปรับชมความสวยงามและความหรูหราที่เขาสั่งสมมาตลอดทั้งชีวิต

 

 

ที่มา: thevintagenews

Comments

Leave a Reply