ป่วยเป็นงูสวัดไม่ต้องเป่า ชาวเน็ตแชร์ประสบการณ์เป็นงูสวัดและวิธีการรักษาแบบถูกต้อง

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าหากเราเป็นงูสวัด (อาการที่มีตุ่มขึ้นบนผิวหนัง) แล้วไม่ไปให้หมอบริกรรมคาถาแล้วเป่า มันจะลามไปรอบๆ ตัวแล้วทำให้เราตายในที่สุด

ทั้งหมดนี้ถือเป็นความเชื่อที่ค่อนข้างผิดไปจากการรักษาแผนปัจจุบันพอสมควร เพราะในตอนนี้เรามีวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง และมีตัวยาที่สามารถรักษาได้จริงๆ

 

 

เมื่อเร็วๆ นี้เราได้ไปเจอเรื่องราวประสบการณ์การเป็นงูสวัดของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Peemichao Phatchara หรือคุณพีม ที่ออกมาเล่าว่าตัวเองเป็นงูสวัดและวิธีรักษาที่ถูกต้องแบบที่แพทย์แนะนำ

โดยคุณพีมเล่าว่าตัวเองเป็นคนนอนน้อยและนอนไม่เป็นเวลา จนในที่สุดก็มีอาการ งูสวัด (Herpes Zoster) มีลักษณะเป็นตุ่มผื่น สาเหตุหลักๆ มาจากร่างกายอ่อนเพลีย เครียด นอนน้อย นอนไม่เป็นเวลา ภูมิคุ้มกันต่ำ

 

สภาพบริเวณต้นคอหลังเป็นงูสวัดได้ 3 วัน

 

วันที่ 4 ตุ่มเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ

 

ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้ได้จะต้องเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน เพราะการเป็นอีสุกอีใสจะทิ้งเชื้อไวรัส Varicella-zoster Virus ไว้ตามปมประสาทของเราไปตลอดชีวิต นั่นหมายความว่าคุณเองก็อาจจะมีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

เมื่อไหร่ที่คุณอดหลับอดนอน อ่อนเพลีย ไวรัสที่นอนสงบนิ่งมาเป็นเวลาหลายปีอยู่ใต้ผิวหนังของคุณก็จะเติบโตขึ้นและแบ่งตัว ทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดอาการปวดและตุ่มใสๆ ตามแนวเส้นประสาท

 

สภาพวันที่ 6

 

วันที่ 8 จะเห็นว่าตุ่มบางจุดเริ่มแห้งแล้ว

 

ขั้นตอนในการรักษา

1. พบแพทย์ทันทีเพื่อรับยาแอนตี้ไวรัสมากิน

2. กินยา Acyclovir 800 mg ทุก 4 ชม. เพราะร่างกายเราดูดซึมได้น้อยมาก

3. กินวิตามินเสริมปลายประสาท

4. ใช้สำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลเช้าเย็น

5. พยายามอย่าออกไปข้างนอกเพราะอาจจะทำให้คนอื่นติดโรคได้

6. นอนให้เป็นเวลา

7. อย่าแกะแผล เพราะจะยิ่งทำให้เกิดอาการอักเสบ

 

นี่คือวันที่ 9

 

วันที่ 14

 

วันที่ 20

 

วันที่ 22 หลังจากที่ไปทำเลเซอร์มา

 

จำนวนยาทั้งหมดที่เจ้าตัวต้องกินเพื่อรักษางูสวัด

 

ครีมพญายอ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดี

 

อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย

 

สรุปแล้วโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ โดยที่เราไม่ต้องไปให้หมอผีที่ไหนเป่าคาถาอะไร ซึ่งหลังจากรักษาแล้วแผลก็จะค่อยๆ ตกสะเก็ดและทิ้งรอยแผลเป็นแดงๆ เอาไว้ ต้องหมั่นทาครีมบำรุงเพื่อลบรอยแผลเป็น หรือไม่อย่างงั้นก็คงต้องใช้วิธีการยิงเลเซอร์เข้าช่วยล่ะ

ส่วนใหญ่การรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 10-30 วัน แล้วแต่อาการ ความอ่อนเพลียของร่างกายและภูมิคุ้มกันนะ ยังไงแล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอกันด้วยล่ะทุกคน

ที่มา Peemichao Phatchara


by

Tags:

Comments

Leave a Reply