9 เรื่องเล่าอบอุ่นหัวใจ ที่จะมาละลายน้ำแข็งในหัวใจเรา ให้พบกับฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น

นักเขียนที่ดีที่สุดของการเล่าเรื่องราวอันอบอุ่นนั้น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชีวิตของพวกเราเอง ทั้งการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตา หรือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ เรื่องราวของคนเรานั้นบางครั้งมันก็อบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ

เรื่องราวต่อไปนี้เป็น เรื่องเล่าสุดอบอุ่นหัวใจ ที่เกิดจากการเขียนบทของโลกใบนี้ ให้มาละลายหัวใจที่เป็นน้ำแข็งของผู้คน จนรู้สึกอบอุ่นราวกับได้พบกับฤดูใบไม้ผลิในหัวใจของตัวเองไม่มีผิด

 

เรื่องที่ 1 แรงผลักดัน

น้องสาวของฉันเดินไม่ได้อีกหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จริงแล้วบาดแผลของเธอนั้นหายนานแล้ว แต่เธอก็ยังเดินไม่ได้อยู่ดี คุณหมอบอกพวกเราว่าเธอต้องการแรงผลักดันอะไรสักอย่าง แต่ไม่ว่าพวกเราจะลองทำอะไร น้องสาวของฉันก็ยังเดินไม่ได้อยู่ดี

วันหนึ่งพวกเราไปเดินเล่นด้วยกันโดยที่น้องสาวของฉันนั่งอยู่บนรถเข็น ตอนนั้นเองก็มีจักรยานแล่นผ่านแอ่งน้ำขังจนน้ำในนั้นกระเด็นไปใส่น้องสาวของฉันจนเปียกไปทั้งตัว พวกเราตกใจมาก ฉันรีบหยิบทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าและพยายามที่จะเข้าไปปลอบน้องสาวของฉัน

เธอพลักฉันออกจากทาง ยืนขึ้นแล้วก็ออกวิ่งตามจักรยานคันนั้นไปเฉยเลย แถมในตอนที่เรารู้ตัว น้องสาวของฉันก็ลื่นล้มลงในแอ่งน้ำขังอันเดียวกันและเริ่มหัวเราะ ไม่รู้สินะ แต่ฉันต้องขอบคุณคนปั่นจักรยานคันนั้นจริงๆ แรงผลักดันของเขามันสุดยอดมากเลย

 

เรื่องที่ 2 คนแปลกหน้า

เมื่อไหร่ที่ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ดี หรือว่ามีปัญหามารุมเร้า ฉันมักจะเดินไปคุยกับคนแปลกหน้าแล้วก็ชมเรื่องดีๆ ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา การแต่งกาย สีผม น้ำเสียง หรือหนังสือที่พวกเขากำลังอ่านอยู่ ฉันชอบที่จะได้เห็นคนอึ้งกับสิ่งที่ฉันพูด ก่อนที่จะยิ้มให้แล้วก็ขอบคุณฉัน

 

เรื่องที่ 3 สะสมรอยยิ้ม

วันนั้นฉันไปมหาวิทยาลัยอย่างอารมณ์เสียสุดๆ ในตอนที่เดินผ่านตึกที่กำลังก่อสร้างนั่นเอง คนงานคนหนึ่งก็หยุดมือของเขาแล้วพูดกับฉันว่า “น้องๆ ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม” แม้ยังไม่รู้ว่าเขาจะให้ช่วยอะไรแต่ฉันก็ตอบเขากลับไปตามมารยาทว่า “จะให้ช่วยอะไรเหรอคะ”

เขาตอบฉันมาว่า “ผมกำลังสะสมรอยยิ้มสวยๆ อยู่ครับ ช่วยยิ้มให้หน่อยได้ไหม” เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็ถึงกับอดยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณมากครับ” เขาขอบคุณฉันแล้วก็กลับไปทำงาน “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ” การที่จะทำให้คนๆ หนึ่งหายอารมณ์เสียนั้น มันทำได้ง่ายขนาดนี้เลยสินะ

 

เรื่องที่ 4 ดวงตะวัน

ลูกชายของผมมอบกระจกเงาอันเล็กๆ ให้กับผมเป็นของขวัญวันเกิด เขาแปะรูปพระอาทิตย์ที่เขาวาดเองไว้บนกระจกที่ว่านั่น พอผมถามว่ารูปนี้มีความหมายอย่างไร เขาก็บอกผมว่า “พ่ออาจจะมีอารมณ์ที่หลากหลาย แต่สำหรับพวกเราแล้ว เราเห็นพ่อเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่อบอุ่นเสมอๆ”

ผิดแล้วลูกชายเอ๋ย.. ลูกต่างหากที่เป็นดวงอาทิตย์ที่คอยส่องแสงให้กับพ่อ

 

เรื่องที่ 5 แพร่เชื้อ

ในวันนั้นฉันกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟกับเพื่อนของฉัน พวกเรานั้นต่างกันราวกับน้ำแข็งกับไฟ ฉันนั้นอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ส่วนเพื่อนของฉันนั้นร่าเริงมากๆ ฉันถอนหายใจแล้วบอกเขาว่าฉันอิจฉาเขาจริงๆ ที่สามารถร่าเริงได้ตลอดเวลาอย่างนั้น

เขางับที่ไหล่ของฉันเบาๆ และบอกฉันว่า “ฉันแพร่เชื้อความสุขให้เธอแล้ว อีกเดี๋ยวเธอก็จะร่าเริงเหมือนกับฉันเอง” ให้ตายสิ โรคร่าเริงนี่มันติดต่อกันได้เร็วเสียจริงๆ

 

เรื่องที่ 6 แก้วชา

แฟนหนุ่มของฉันซื้อแก้วน้ำมีลายเป็นภาพของ Van Gogh ที่ฉันชอบ เขาบอกว่ามันเป็นแก้วที่เวลาเทน้ำร้อนใส่จะทำให้รูปบนแก้วเปลี่ยนไป เมื่อตอนที่เขาออกไปทำงานฉันจึงลองเทชาร้อนใส่ในแก้วดู ภาพบนแก้วนั้นเปลี่ยนเป็นข้อความที่ว่า “แต่งงานกับผมไหม” และนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้ว่าการดีใจจนร้องไห้เป็นอย่างไร

 

เรื่องที่ 7 ความงามจากภายใน

ฉันถามลูกชายวัย 4 ขวบว่าใครเป็นคนที่น่ารักที่สุดในห้องเรียนอนุบาลของเขา ลูกชายของฉันตอบกลับมาด้วยการพูดชื่อของเพื่อนผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในห้อง นี่สินะที่เขาบอกว่าเด็กๆ นั้นเป็นผ้าที่ขาวสะอาดอยู่เสมอ

 

เรื่องที่ 8 วาดรอยยิ้ม

เวลาที่นั่งรถบัสกลับบ้าน ฉันมักจะวาดภาพยิ้มลงบนไอน้ำบนกระจกถ้าทำได้ ตามปกติคนที่นั่งด้วยก็จะไม่สนใจอะไรมากนัก แต่วันนั้นมีชายคนหนึ่งที่กำลังดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีมานั่งข้างๆ ฉัน เมื่อฉันวาดภาพยิ้มลงไปตามปกติ เขาก็เข้ามาเติมตัวให้ภาพยิ้มของฉัน แน่นอนว่าฉันรับคำท้านั้นแล้วเติมแขนลงไป

พวกเราสลับกันวาดไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายพอจะถึงป้ายฉันก็วาดลิ้นลงไป และเขายอมแพ้เพราะไม่รู้ว่าจะเติมอะไรลงไปดี พวกเรายิ้มให้กันแล้วฉันก็เดินลงรถไป รอยยิ้มของเขาในตอนนั้น ดูดีกว่าภาพที่พวกเราแข่งกันวาดเยอะเลย

 

เรื่องที่ 9 จุดหมายของเลือดถุงนั้น

ฉันไปบริจาคเลือดอยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะบริจาคเลือดนั้นจะมีการสอบถามข้อมูลของผู้บริจาคเลือดเก็บเอาไว้ แม้ว่าจะดูเป็นการขอข้อมูลส่วนตัวอยู่บ้าง แต่ฉันก็กรอกเอกสารพวกนั้นไปโดยไม่ได้คิดอะไร วันนี้มีข้อความอันหนึ่งส่งมาบอกกับฉันว่า เลือดของฉันนั้นได้ช่วยชีวิตของคนๆ หนึ่งเอาไว้ ฉันไม่เคยเสียดายในสิ่งที่ทำลงไปเลย

 

ที่มา brightside

Comments

Leave a Reply