ไขข้อสงสัย ที่มาของคำว่า ‘Meme’ ใครเป็นผู้คิดค้น ต้นตอมันมาจากไหนกันแน่นะ?

ในโลกอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า Meme ซึ่งหลายคนก็ยังคงสับสนว่าจริงๆ แล้วมันอ่านว่า มี-มี่ หรือว่า เม-เม่ กันแน่นะ? จริงๆ แล้วมันอ่านว่า มีม ต่างหากล่ะ

ในช่วงยุครุ่งเรืองของมีมนั้นหลายคนคงอาจจะเคยรู้จักแมวหน้าบึ้ง Grumpy Cat หรือ Brian จอมซวย ที่โด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ต แถมไม่นานมานี้ก็ยังมีมีมแม่การะเกดจากเรื่องบุพเพสันนิวาสเกิดขึ้นมาเป็นร้อยๆ มีมเลยทีเดียว ซึ่งหลายคนก็คงมีคำถามว่า ต้นกำเนิดของมีมนั้นมาจากไหน ใครเป็นคนคิดค้นเริ่มต้นการใช้มีมคนแรก?

 

 

การที่จะหาคำตอบนั้น คงต้องย้อนไปในปี 1976 Richard Dawkins นักชีววิทยาวิวัฒนาการชาวอังกฤษได้เสนอไอเดียในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า The Selfish Gene ที่เขาได้ตั้งคำถามว่า ถ้าความคิดเป็นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่สามารถแพร่พันธุ์และสามารถกลายพันธุ์ได้ เขากล่าวว่าความคิดเหล่านี้เป็นเหมือนกับรากฐานของวัฒนธรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในสมองของมนุษย์

ในงานวิจัยของ Dawkins หลักๆ นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับพันธุกรรม เขากล่าวว่าทุกชีวิตนั้นต้องอาศัยจากการจำลองแบบ แต่ไม่เหมือนกับเซลล์ ความคิดนั้นไม่ต้องขึ้นอยู่กับรากฐานทางเคมีเพื่อการอยู่รอด พวกมันเริ่มต้นที่สมองและแพร่กระจายส่งต่อไปเรื่อยๆ

บางความคิดก็ประสบผลสำเร็จเนื่องจากในความคิดนั้นประกอบไปด้วยความจริงที่แฝงอยู่ ในขณะที่บางความคิดก็ค่อยๆ ตายลงไป บางความคิดอาจจะไม่เป็นความจริงแต่ว่าเป็นที่ยอมรับของสังคม

 

 

Dawkins ได้เรียกแนวคิดนี้ว่า mimeme ซึ่งมาจากศัพท์กรีกที่มีความหมายว่า “สิ่งที่ถูกจำลองแบบ” เขาได้เขียนในหนังสือของเขาว่า “ผมหวังว่าเพื่อนผู้ที่ศึกษาวัฒนธรรมกรีกโบราณของผมจะให้อภัย หากผมย่อคำว่า mimeme ให้เป็นคำว่า meme

Dawkins คิดว่าการทำให้เป็นพยางค์เดียวจะสะดวกกว่าและคล้ายกับคำว่า gene และนอกจากนั้นมันยังอ้างอิงมาจากคำว่า même คำภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า memory อีกด้วย

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้นึกถึงความเป็นไปได้ของมีมบนอินเทอร์เน็ตในช่วงที่เขาวิจัยในปี 1970-1980 แต่เขาก็ยอมรับว่ามันเหมาะสม เนื่องจากว่ามันก็ยังคงเป็นกระแสไวรัล และความนิยมของมันก็ยังคงเข้ากับทฤษฎีของเขาที่กล่าวว่าความคิดนั้นเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอีกด้วย

 

ขุ่นพระ!! ประวัติของมีมเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วยหรือนี่

 

ตัวอย่างมีมเก่าๆ อีกมากมาย

.

.

 

ที่มา Mentalfloss

Comments

Leave a Reply