“คนข้ามเชื้อชาติ” อาจเป็นสิ่งที่คนนิยมในปี 2018 หรือนี่อาจเป็นเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจใหม่?

บางครั้งเราก็เลือกเพศที่จะเกิดมาไม่ได้ แต่วิถีชีวิตของเราเองก็ไม่อาจถูกกำหนดด้วยเพศสภาพได้เช่นกัน อย่างที่เห็นกันว่า ถึงแม้บางคนเกิดมาเป็นเพศชาย แต่หากว่าจิตใจของเขาเป็นเพศหญิง เขาก็ย่อมเลือกที่ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนมากนั้นยอมรับแล้วกับการข้ามเพศที่เรียกกันว่า “Transgender

แต่ปัจจุบันกลับมีสิ่งที่ล้ำไปกว่านั้น สำหรับคนที่คิดว่าตนเองนั้นจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นคนในชนชาติที่ตนเกิดมา แต่กลับเป็นคนอีกชนชาติหนึ่งอย่างสมบูรณ์ จึงเกิดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “การข้ามชนชาติ” หรือ “Transracial” ขึ้นมา

มีใครเคยสงสัยไหมว่า ที่จริงแล้วบรรพบุรุษของเรามาจากที่ไหนกันแน่? เช่น คุณปู่ หรือคุณปู่ของปู่ หรือเก่ากว่านั้น ที่จริงแล้วเขามี “ชนชาติ” เดียวกับเราหรือไม่ อย่างเช่น ตัวเราเป็นคนไทยแบบนี้ ทวดของทวดเราอาจจะเป็นชาวยุโรปก็ได้นะ

 

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราคงรู้สึกแปลกหากเราจะบอกว่า เราเป็นชาวยุโรป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครทำแบบนั้นหรอกนะ

มีหญิงข้ามเพศผิวขาวคนหนึ่งจากเมืองนิวออร์ลีนส์ ในอเมริกา ชื่อว่า Ja Du ซึ่งเมื่อเธอแนะนำตัว เธอจะบอกกับคนอื่นๆ เสมอว่าเธอนั้นเป็นหญิงข้ามเพศที่เป็นชาว “ฟิลิปินส์”

 

 

หลังจากเรื่องราวของเธอถูกเผยออกไป ไม่มีใครสงสัยเรื่องการข้ามเพศของเธอ แต่ผู้คนกลับตั้งคำถามกับการที่เธอบอกว่าเธอเป็นชาวฟิลิปินส์มากกว่า เพราะเธอดูไม่เหมือนชาวฟิลิปินส์เท่าไหร่

Ja Du (ชื่อเดิม Adam Wheeler) ให้สัมภาษณ์กับ WTSP ว่า “เมื่อใดก็ตามที่ฉันได้ยินเสียงเพลง และเจออาหาร ฉันรู้สึกว่าฉันได้เป็นตัวของตัวเอง และเมื่อฉันดูสารคดีประวัติศาสตร์ มันก็ไม่ได้มีอะไรดึงดูดความสนใจฉันได้เลย นอกจาก วัฒนธรรมของฟิลิปินส์”

 

วิดีโอของที่ Ja Du ยืนยันว่าเขาเป็นชาวฟิลิปินส์

 

เรื่องราวของการยืนยันตนว่าเป็นสมาชิกของอีกหนึ่งชนชาติหรืออีกหนึ่งวัฒนธรรมนั้น ไม่ได้มีเพียง Ja Du คนเดียวเท่านั้น ยังมี Vicky Waldrips สาวแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ยืนยันว่าตนเป็นสาวผิวขาว Martina Big สาวที่เกิดมาผิวขาวแต่ยืนยันว่าตนอยู่ในเผ่าพันธุ์คนผิวสี และ Rachel Dolezal สาวผิวขาวที่อ้างเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน

 

Vicky Waldrips

 

Martina Big

 

Rachel Dolezal

 

Rachel Dolezal ออกมาตั้งคำถามว่า “เรื่องการข้ามชนชาติมันไม่สามารถได้รับการยอมรับเช่นเดียวกับการข้ามเพศได้หรืออย่างไรกัน?” และในเดือนที่กำลังจะมาถึง ในปี 2018 นี้ เธอเองก็ต้องออกมาต่อสู้ในประเด็นคำถามของเธอด้วยเช่นกัน

นางแบบสาวข้ามเพศ Munroe Bergdorf ผู้ที่ต้องพบเจอทั้งการเหยียดเพศและการเหยียดชนชาติ จึงปฏิเสธข้อคำถามดังกล่าว เธอบอกว่าการดึงสังคมชาวข้ามเพศมาเกี่ยวข้องกับเรื่องปัญหาชนชาติมันเป็นเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อย

เธอกล่าวกับ Unilad ว่า “เพศและชนชาติเป็นคนละเรื่องกัน มันจึงส่งปัญหามาให้ชาวข้ามเพศเช่นกัน บางคนอาจมองว่ามันคล้ายกัน แต่คนเราไม่จำเป็นต้องมีเพศเดียวกับพ่อหรือแม่ก็ได้ มันอยู่ที่ว่าเราอยากมีเพศอะไร เรามองตัวเองแบบไหน แต่ชนชาตินั้น มันต้องสืบทอดมาจากพ่อแม่

แต่สำหรับ Rachel Dolezal คุณทำให้ปัญหาที่เหล่าคนข้ามเพศต้องฝ่าฟันมาดูไร้ค่า และทำให้เรื่องเพศกลับมาเป็นที่ถกเถียงทั้งที่ไม่จำเป็น”

 

Munroe Bergdorf

 

จากนั้น Dr. Michell Chresfield อาจารย์สอนเกี่ยวกับเรื่องชนชาติและเพศในมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ได้ออกมาสนับสนุนคำพูดของ Munroe อีกแรง โดยกล่าวว่า “การรับเอาเรื่องข้ามชนชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้นจะเป็นภัยต่อสังคมอันเป็นที่ยอมรับแล้ว สังคมที่เป็นสุขแล้วย่อมไม่ต้องการให้ใครมาทำลาย”

ปัจจุบันในปี 2018 นี้ ข้อถกเถียงเรื่องการข้ามชนชาตินั้นยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ Dr. Michell ก็ได้กล่าวว่า “วันหนึ่งโครงสร้างทางสังคมที่ใช้กำหนดชนชาติของคนเราอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้”

 

 

ถ้าหากว่าวันหนึ่งเหล่าผู้คนข้ามชนชาติออกมาแจ้งถึงความเจ็บปวด หรือปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับตัวของพวกเขา เมื่อพวกเขาต้องอยู่ในวัฒนธรรมและสังคมของชนชาติเดิม เมื่อนั้นข้อถกเถียงเรื่องนี้อาจจะได้รับข้อสรุป และเรื่องการข้ามชนชาติอาจเป็นที่ยอมรับได้ในอนาคต

 

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็ การข้ามชนชาติคงเป็นสิ่งที่พบเห็นกันได้ทั่ว และเราอาจต้องงุนงงกับความไม่สัมพันธ์กันระหว่างรูปลักษณ์และชนชาติแน่นอน

 

ที่มา: Unilad

Comments

Leave a Reply