5 วิธีการเอาตัวรอดของแบรนด์ธุรกิจ จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเฟซบุ๊กในปี 2018

จากกรณีที่พี่ Mark Zuckerberg เจ้าของเฟซบุ๊กได้ทำการปรับเปลี่ยนระบบการแสดงผลที่หน้านิวส์ฟีด ให้มีการโชว์คอนเทนต์หรือโฆษณาของแบรนด์หรือธุรกิจต่างๆ ให้แสดงผลน้อยลง ส่งผลให้โอกาสในการหาลูกค้าหน้าใหม่ๆ ลดลงไปเป็นจำนวนมาก

แน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากมาย เพราะส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ในการทำโฆษณาแทบทั้งสิ้น!!

แล้วเราจะมีวิธีอยู่รอดได้อย่างไร!? หากสูญเสียพื้นที่ในการโฆษณาและหาลูกค้า วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคำแนะนำจากบทความของเว็บไซต์ Socialmediatoday กันครับ

 

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าที่พี่ Mark เค้าทำไป จริงๆ ก็เป็นการรับมือกับปัญหาที่เฟซบุ๊กได้เผชิญมายาวนานหลายปี

 

ซึ่งปัญหานั้นก็คือเหล่าคอนเทนต์ด้อยคุณภาพจากแบรนด์ต่างๆ อย่างเช่น Click Bait หรือการ Engagement Baiting (การเรียกร้องให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมโดยการให้กดไลก์กดแชร์)

และเมื่อมองในมุมนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เหล่าแบรนด์ต่างๆ จะหันมาพัฒนาคอนเทนต์การโฆษณา หรือวิธีการหารายได้ด้วยวิธีที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้มีความเห็นจากนาย James Whatley ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดของบริษัท Ogilvy UK ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า “หากคุณเป็นสำนักพิมพ์หรือทำคอนเทนต์โฆษณาที่ผลิตแต่ผลงานดีๆ น่าสนใจและมีคุณภาพอยู่แล้ว ขอบอกเลยว่านี่คือโอกาสทองของพวกคุณ”

ฉะนั้นการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึ่มของเฟซบุ๊กไม่ได้เป็นจุดจบทุกอย่างของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ หรือเล็กแค่ไหนก็ตาม เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น!!

นั่นหมายความว่า เราจะต้องปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงที่เฟซบุ๊กได้วางเป้าหมายเอาไว้ ถ้าหากคุณยังใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นพื้นที่หลักในการเข้าถึงลูกค้าอยู่ล่ะก็นะ…

 

แล้วเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง!?

 

เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากลำบากมากๆ เพราะคุณจะยอมทิ้งเฟซบุ๊กที่มียูสเซอร์มากถึง 2 พันล้านยูสเซอร์ไปเหรอ? ถ้าไม่ เราลองไปอ่านทำความเข้าใจในแถลงการณ์ของพี่ Mark กันอีกสักรอบแล้วจะพบว่าเขาได้ใบ้ถึงยุทธวิธีในการเอาตัวรอดไว้ในนั้นหมดแล้ว จะมีอะไรบ้างลองไปชมกัน…

 

1. สร้างกลุ่มแฟนคลับ ที่จะติดตามสินค้าของคุณอย่างเหนียวแน่นขึ้นมา

 

จากแถลงการณ์มีบรรทัดหนึ่งที่พี่ Mark เค้าบอกว่า “คอนเทนต์ต่างๆ ที่ถูกโพสต์นั้นจะถูกจัดไปให้กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันได้เห็นพร้อมๆ กัน”

หากเรามองตรงจุดนี้ก็จะพบว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าเราเปลี่ยนการโฆษณาหรือรูปแบบคอนเทนต์ให้เข้ากันได้กับเรื่องที่ผู้คนสนใจ แทนที่จะผลิตคอนเทนต์มาเป็นจำนวนมากแล้วกระจายมันออกไปโดยไม่มีทิศทาง

เพราะหากคุณผลิตเนื้อหาโฆษณา หรือบทความต่างๆ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า ก็จะสามารถดึงพวกเขาให้เข้ามาเป็นกลุ่มแฟนคลับหรือผู้ติดตามผลิตภัณฑ์ของคุณได้

 

2. สร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหาโฆษณาที่มีคุณภาพ

 

ต้องขอบอกเลยว่าโซเชียลมีเดียนั้นได้เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงให้วงการธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องของโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ธุรกิจต่างๆ มุ่งเป้าหมายและหลงระเริงไปกับเรื่องของจำนวนที่มากมายมหาศาล แทนที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผู้คนหรือ ‘ลูกค้า’ ต้องการจริงๆ อย่างเช่นเนื้อหาโฆษณาที่มีคุณค่าควรแก่ที่พวกเขาควรได้รับ

ฉะนั้นธุรกิจควรหันกลับมาให้ความสำคัญที่ตัวลูกค้า ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับตัวเอง มอบสิ่งที่พวกเขาต้องการ และนั่นจะทำให้คุณอยู่รอด

เท่านั้นยังไม่พอ หากคุณสามารถผลิตคอนเทนต์ออกมาได้ดีสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า มันจะทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกค้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นำไปสู่การสร้างฐานแฟนคลับที่มั่นคง

 

3. สร้างเนื้อหาคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอ (โดยเฉพาะการ Live)

 

ดังที่พี่ Mark ได้กล่าวไว้ในแถลงการณ์ว่า “เราได้เห็นแล้วว่าผู้คนได้แสดงท่าทีปฏิสัมพันธ์กันในไลฟ์วีดีโอมากกว่าคอนเทนต์วิดีโอธรรมดา บางข่าวก็ช่วยให้เกิดการพูดคุยกันในเรื่องของการแก้ปัญหา ซึ่งทุกวันนี้การดูคลิปวิดีโอ อ่านข่าว เปิดเพจต่างๆ เพื่ออัปเดตเหตุการณ์มันถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว”

ก็อย่างที่พี่แกบอกแหละฮะ ว่าการทำคอนเทนต์วิดีโอแบบไลฟ์นั้นช่วยให้ผู้คนพูดคุยกัน มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นพี่แกก็จะเลยปรับอัลกอริทึ่มให้แสดงเนื้อหาไลฟ์มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นหากคุณมีไอเดียในการคิดคอนเทนต์เกี่ยวกับการไลฟ์สด จัดเลยยังไงก็ปังแน่นอน!!

 

4. ทดลองทำธุรกิจในแอปฯ Messenger

 

หนึ่งในแนวทางการตลาดที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเทรนด์ใหม่ในปี 2018 นั้นน่าจะเกิดขึ้นในแอปฯ Messenger ของเฟซบุ๊กนี่แหละ

แม้ว่าระบบอัลกอริทึ่มบนหน้านิวส์ฟีดของเฟซบุ๊กจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้หมายความคุณจะมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้น้อยลง ซึ่งคุณทำมันได้แต่อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบซักนิดนึง

และแอปฯ Messenger ก็คือเป้าหมายที่สุดแสนจะเพอร์เฟกต์ เพราะแน่นอนว่าจำนวนคนใช้โทรศัพท์มือถือนั้นมีมากมาย และการพูดคุยตอบแชทกันในเฟซบุ๊กก็ถือว่าเราทำกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะมันทั้งรวดเร็ว ฉับไว และส่งตรงถึงมือ หากเป็นการขายของมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยใช่มั้ยล่ะ!?

 

5. จ่ายตังค์ให้เฟซบุ๊กซะสิ!!

 

หากคุณลองอ่านข้อที่ผ่านๆ มาแล้วทั้งหมด แล้วรู้สึกว่ามันยากเกิ๊น ก็มาถึงส่วนที่คิดว่าน่าจะง่ายที่สุด และรวดเร็วที่สุด ยุ่งยากน้อยที่สุด ก็คือวิถีแห่งเทพทรูนั่นเอง!!

โดยปกติแล้วธุรกิจต่างๆ จะมียอดเข้าถึงคอนเทนต์หรือเนื้อหาโฆษณาที่น้อยมากถ้าไม่มีฐานแฟนคลับ แล้วจะเพิ่มมันอย่างไรดีล่ะ!? ก็เติมตังค์นั่นแหละ จ่ายเงินให้เฟซบุ๊กซะแล้วเค้าก็จะช่วยทำการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงตัวคอนเทนต์ที่เราผลิตขึ้นมา ยิ่งจ่ายมากเท่าไหร่โอกาสที่ลูกค้าเข้าถึงโฆษณาของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

 

ทั้งหมดนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าจะเลือกอย่างไหน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นชีวิตมันก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปหร๊อกกก สู้ๆ นะคร๊าบทุกคน ^^

ที่มา : socialmediatoday

Comments

Leave a Reply