สาวๆ ควรรู้! 7 อาหารใกล้ตัว ที่อาจจะทำให้ผิวของคุณพังได้โดยไม่คาดคิด

หากว่าคุณอยากจะมีผิวสวยใสไร้ฝ้ากระล่ะก็ คุณควรจะรักษาสุขภาพผิวหนังให้ดี นอกจากการใช้ครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวแล้ว การเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ก็เป็นปัจจัยหลักในการรักษาสุขภาพผิวเช่นกัน

แต่ในบางครั้งอาหารที่เราคิดว่ามันจะช่วยให้เราสุขภาพดีได้ กลับมีผลเสียต่อผิวของเราอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว หากว่าเพื่อนๆ ไม่อยากให้ผิวพังเกินเยียวยาก็ควรจะระวังอาหารต่อไปนี้เอาไว้ด้วย

 

1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวหนังของเครื่องสำอาง Time Bomb คุณ Michaella Bolder เคยบอกไว้ว่า “การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดต่อผิวหนังของคุณ” นั่นเป็นเพราะหลังจากคุณดื่มแอลกอฮอล์แล้ว มันจะส่งผลให้ฮอร์โมนของคุณทำงานผิดปกติซึ่งเป็นเหตุให้คุณ มีสิว ได้

นอกจากนี้แล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอลงและลดจำนวน ไมโครไบโอม ซึ่งเป็นแบคทีเรียสำคัญในลำไส้ที่มีผลต่อสภาพผิวของคุณด้วย

อีกอย่างหนึ่งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ทำให้คุณผิวแห้งเนื่องจากขาดน้ำด้วยนั่นเอง ทางที่ดีคุณควรจะจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ไว้แต่พอเหมาะนะ

 

2. เค้กข้าว

 

อาหารจำพวกเค้กข้าวนั้นหมายถึงของกินใดๆ ก็ตามที่นำข้าวไปแปรรูปเป็นก้อนหรือเป็นชิ้น ซึ่งที่เราจะรู้จักกันดีก็คือแป้งต๊อกของประเทศเกาหลีใช้เป็นวัตถุดิบหลักของต๊อกป๊อกกีนั่นเอง

แม้ว่ามันจะดูมีประโยชน์แต่แท้จริงแล้วเค้กข้าวแทบไม่มีส่วนผสมอื่นใดเลยนอกจากแป้งจึงถือว่ามีสารอาหารน้อย แล้วมันก็กินง่ายจนทำให้เราเผลอกินเยอะเกินควรอีกด้วย หากกินเยอะมากเกินไปจะทำให้เราอ้วนและมีริ้วรอยบนใบหน้ามาก

ในเค้กข้าวเองก็ยังมี Advanced Glycation End Products (AGEs) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เราดูแก่กว่าวัยแถมยังเป็นต้นเหตุหนึ่งของจุดด่างดำและสิวด้วย

 

3. ซูชิ

 

น่าเสียดายที่อาหารจานโปรดของใครหลายคนอย่างซูชินั้นมีเกลือในปริมาณมาก จึงทำให้ผิวหนังของเราแห้งเสียได้ นอกจากนี้แล้วโซเดียมในเกลือยังทำให้ผิวของเราบวมน้ำได้อีกด้วย

ที่สำคัญคือซูชิมีข้าวอยู่เป็นปริมาณมาก ซึ่งในข้าวนี้มีสารไกลเซมิกอินเด็กซ์ที่ดูดเอาความชุ่มชิ้นจากผิวหนังชั้นนอกออกไปทำให้ผิวหนังแห้งและดูแก่กว่าวัยอันควรด้วย หากต้องไปกินซูซิ เราขอแนะนำให้คุณกินน้ำมากกว่าปกติจะได้ทำให้ผิวชุ่มชิื้นขึ้นเป็นการทดแทน

 

4. ผลิตภัณ์จากนมวัว

 

นมวัวนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายก็จริง แต่มันมีโกรทฮอร์โมนสูงจึงอาจจะไปกระตุ้นต่อมน้ำมันของคุณจนทำให้ผิวของคุณมันมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

นอกจากนี้ในกลุ่มคนที่แพ้น้ำตาลแล็กโทส เมื่อกินผลิตภัณฑ์จากนมวัวเข้าไปจะทำให้เกิดอาการแพ้ซึ่งทำให้เกิดสิวบนผิวหนังได้เช่นกัน หากคุณดื่มนมวัวแล้วยังมีสิวอยู่ล่ะก็ อาจจะใช้วิธีเลี่ยงไปรับประทานนมแพะแทนก็ได้

 

5. ซีเรียล

 

อาหารเช้าเร่งด่วนสุดแสนอร่อยนี้ก็เป็นภัยต่อผิวคุณเช่นกัน เพราะซีเรียลบางอย่างนั้นมีส่วนประกอบของสาร GMO อยู่ด้วย จึงทำให้ผิวคุณแพ้ง่ายและเกิดสิวได้

อีกทั้งในการทำให้ซีเรียลมีรูปร่างเหมือนกันหมดต้องผ่านกรรมวิธีการอัดผ่านเกลียว (Extrusion) และในระหว่างกรรมวิธีนี้ซีเรียลอาจจะมีสารแทนนินซึ่งเป็นตัวกระตุ้นโรคมะเร็งอยู่ด้วย อีกอย่างหนึ่งซีเรียลมักจะมีวิตามินบางอย่างที่ร่างกายเราสังเคราะห์ไม่ได้จนเกิดเป็นสารตกค้างนั่นเอง

ถ้าอยากจะกินซีเรียลล่ะก็ควรจะเลือกกินซีเรียลที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่า 5 กรัมต่อการบริโภคหนึ่งครั้ง และก็ควรจะซื้อซีเรียลที่ไม่มีส่วนประกอบของสาร GMO ด้วย

 

6. เนื้อสัตว์แปรรูป

 

สาเหตุที่เนื้อสัตว์แปรรูปพวกนี้ไม่ดีต่อผิวของเรา เป็นเพราะว่าเนื้อสัตว์แปรรูปมีโซเดียมมาก ดังนั้นการทานแฮม เบคอน หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ บ่อยจะทำให้มีเกลือสะสมในร่างกายเป็นเหตุให้ผิวของคุณบวมเอาได้

อีกอย่างหนึ่งในอาหารกลุ่มนี้มีสารไนไตรท์อยู่เยอะ สารที่ว่านี้จะทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังของเรา ทำให้ผิวหนังของเราไม่เต่งตึงอย่างที่ควร เราจึงดูแก่กว่าวัยนั่นเอง

ในกรณีที่อยากจะทานเนื้อสัตว์แปรรูป วิธีง่ายๆ ก็คือควบคุมปริมาณการกินไม่ให้มากจนเกินไป และก็อย่ากินติดต่อกันบ่อยเพียงเท่านั้นก็จะช่วยถนอมผิวหนังได้แล้ว

 

7. น้ำผลไม้

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าน้ำผลไม้เองก็มีผลเสียต่อผิวอยู่ด้วย หากพูดกันตามจริงแล้วน้ำผลไม้เองก็มีน้ำตาลเยอะไม่แพ้พวกน้ำอัดลมเลยทีเดียว ซึ่งการบริโภคน้ำตาลมากๆ จะทำให้คอลลาเจนในผิวลดลงจนผิวเราดูไม่เรียบเนียน

อีกอย่างหนึ่งก็คือน้ำผลไม้ทั่วไปนั้นมีไฟเบอร์อยู่น้อยมาก ไม่เหมือนกับการกินผลไม้สดๆ ซึ่งไฟเบอร์นี่แหละมีสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวของเราอยู่ ดังนั้นเราจึงควรกินผลไม้สดหรือน้ำผลไม้สมูทตี้เพื่อที่จะได้สารอาหารอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ใครที่ชอบใช้น้ำมะนาวมาพอกหน้าต้องระวังไว้ให้มาก เพราะหากพอกหน้าด้วยน้ำมะนาวแล้วออกไปโดนแสงแดดล่ะก็มันจะทำให้ผิวของคุณเสียอย่างถาวรอีกด้วย

 

ไม่ต้องแปลกใจไปนะครับ เพราะอาหารทุกอย่างล้วนมีข้อดีข้อเสียทั้งนั้น

เพียงแต่เราควบคุมปริมาณการกินและวิธีกินให้ดี ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ได้ไม่ยาก

ที่มา: brightside

Comments

Leave a Reply