ชายหนุ่มรับ “พ่อ-ลูก” ที่เดินข้างถนนขึ้นมาบนรถ จนได้รู้ว่า รักของพ่อนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด…

ว่ากันว่า… ความรักใดๆ ก็มิอาจเปรียบความรักที่พ่อแม่มีให้ต่อลูกได้ และเรื่องนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ที่ดีอีกครั้งหนึ่ง

 

คุณ Chalad Booncid เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาขับรถเพื่อไปทำบุญในวันหยุดว่า เขาเห็นพ่อลูกคู่หนึ่งเดินอยู่ข้างใน ในสภาพที่มีลูกห้อยอยู่ด้านหลังของพ่อ ขณะที่บริเวณนั้นก็เป็นป่าซะส่วนใหญ่ นานๆ ที่จะมีบ้านคนสักหลัง จึงทำให้เกิดความสงสัยอย่างมาก

เขาจอดรถเดินลงไปหาพ่อลูกคู่นี้ พร้อมกับหยิบขนมที่เตรียมไว้ลงไปให้ทั้งพ่อและเด็ก แต่ก่อนจะกลับมาที่รถก็ได้สอบถามว่าทั้งสองจะไปไหนกัน

เมื่อสอบถามได้ความว่าจะเดินกลับบ้านที่น่าจะมีระยะทางค่อนข้างไกล เขาจึงให้ทั้งสองขึ้นมาบนรถ และจะอาสาไปส่งเอง…

 

หลังจากการนั่งสอบถามบนรถ ทราบความว่าลูกชายของเขาป่วย และต้องเดินพาลูกไปหาหมอที่อนามัยซึ่งอยู่ไกลหลายกิโลเมตร

แม้ว่าไม่มีรถยนต์ หรือกระทั่งจักรยาน และไม่มีใครไปส่งเลย ด้วยความเป็นพ่อจึงตัดสินใจเอาลูกสะพายขึ้นตัวเองและเดินไป แต่เมื่อพบว่าอนามัยปิด ก็ต้องเดินกลับบ้านทั้งๆ ที่ไม่ได้พบหมอ

 

คราวนี้คุณพี่ชายของเรา ก็เลยถามถึงเรื่องยาของเด็กชายด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มคนดังกล่าวก็บอกว่าคงจะต้องซื้อยาให้ลูกแทน แต่เมื่อสอบถามดูดีๆ ก็ปรากฏว่ายายังไม่ได้ซื้อ งานนี้มีหรือที่พี่ชายคนดีของเราจะแค่ไปส่งบ้านเฉยๆ ก็เลยถือโอกาสพาแวะซื้อยาเลย

“ซื้อรึยังยาน่ะ..  ยังไม่ซื้อ.. เดี๋ยวผมพาไปซื้อยาก่อน ที่ร้านขายยาเนาะ” คำพูดที่พี่ปิดท้ายคลิป แสดงถึงความห่วงใยอาการลูกชายของคุณพ่อคนดังกล่าว ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย

 

 

เรื่องราวดังกล่าวได้สร้างความประทับใจให้กับคนที่ได้รับชมเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นกดไลค์กันเกือบ 60,000 ครั้ง และคอมเม้นท์แสดงความชื่นชมมากมาย

.

.

 

 

เพราะนี่ไม่ใช่เพียงแค่แสดงถึงความรักของพ่อคนหนึ่ง ซึ่งยอมเดินเท้าหลายกิโล (พี่เขาบอกว่าน่าจะอย่างต่ำ 5 กิโล ไปกลับก็นับ 10 กว่าๆ แล้ว) เพื่อให้ลูกที่ป่วยของตนเองได้รับการรักษา แม้จะไม่มีรถไปก็ตามที

นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ยังห่วงใยกัน แบ่งปันของกิน แบ่งปันน้ำใจ ให้โดยสารรถกลับบ้าน รวมถึงหวังดีขนาดพาไปซื้อยาช่วยรักษาลูกที่ป่วย

มันทำให้เรารู้ว่าแม้โลกจะโหดร้ายเพียงใด แต่โลกใบนี้ก็ยังมีคนดีๆ ที่ทำให้โลกน่าอยู่เสมอครับ…


by

Tags:

Comments

Leave a Reply