จากหญิงสาวที่เป็นโรคคลั่งผอม เพราะถูกปลูกฝังมาผิดๆ ตั้งแต่เด็ก กลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง

การที่คนๆ หนึ่งประสบภาวะอาการป่วย เขาต้องต่อสู้เพื่อที่จะเอาชนะโรค ที่เป็นเหมือนกันส่วนหนึ่งในร่างกายให้ได้ ซึ่งต้องใช้ความพยายามและอดทน

อย่างเธอคนนี้ ที่ต่อสู้กับโรคคลั่งผอมที่เกือบคร่าชีวิตเธอ จนในตอนนี้เธอมีสุขภาพดีอีกครั้ง เราไปชมแรงบันดาลใจดีๆ จากเธอกันเลย

 

Julia Janssen ได้รับการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากเธอเป็นโรคคลั่งผอมและมีน้ำหนักเพียง 35 กิโลกรัมเท่านั้น

 

เธอไม่ดื่มน้ำเพราะกลัวการมีสารปนเปื้อน และไม่ยอมสัมผัสอาหารเลยแม้แต่น้อยเพราะกลัวว่ามันจะซึมผ่านออกมาทางผิวหนังของเธอ

 

นักกายภาพบำบัดกล่าวว่าเธอเป็นหนึ่งในกรณีที่แย่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมาเมื่อเธอเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยน้ำหนักที่น้อยที่สุด

 

เธอคลั่งผอมหนักจนถึงขั้นผมร่วง อีกทั้งความดันโลหิตของเธอต่ำมากจนในบางครั้งริมฝีปากและนิ้วมือของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำเงินซีด ในวันที่มีอากาศหนาวเย็น ทำให้เธอต้องสวมหมวกไหมพรมตลอดทั้งปี

 

Julia สาววัย 24 ปีเริ่มต่อสู้กับการกินเมื่ออายุ 13 ปี แต่โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีต่อมา เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบื่ออาหาร เมื่อ อายุ 16

เธอกลัวการเพิ่มน้ำหนักและบังคับให้ตัวเองตื่นกลางดึกเพื่อมาออกกำลังกายเป็นชั่วโมงๆ เพียงเพราะเธอทานข้าวไป 1 คำ

 

หลังจากที่เธอได้รับการฟื้นฟู ดูเหมือนว่าเธอจะมีรูปร่างที่ดีขึ้น แต่ในใจเธอกลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่นัก

เธอกล่าวว่า “ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว และถึงแม้ว่าฉันจะดูสุขภาพดีแต่จิตใจของเธอยังไม่พร้อมกับสิ่งๆ นี้เท่าไหร่ “

 

“เมื่อฉันมองไปที่กระจก ฉันยังเกิดความสับสนในใจเสมอว่าสิ่งที่เกิดในใจ มันไม่ตรงกับที่เห็นในกระจก โรคนี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน”

 

จูเลียต้องเรียนรู้ที่จะกิน 3,000 แคลอรี่ต่อวันเพื่อให้น้ำหนักของเธอเพิ่มขึ้น เธอต่อสู้และดิ้นรนอย่างมากที่จะเอาชนะโรคนี้

“อาการเบื่ออาหารนั้น คือจิตใจของคุณ ซึ่งมักใช้เวลานานกว่าในการรักษาร่างกาย”

 

เธอยังกล่าวอีกว่า “มีหญิงสาวจำนวนมากที่เจ็บป่วยมาหลายปี และพวกเธอตัดสินใจที่จะต่อสู้กับความเจ็บป่วยนี้ และตอนนี้ของฉันก็กำลังมีความสุขอีกครั้ง”

.

 

แม้ว่าเธอจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากว่า 9 กิโลกรัม เธอก็ยังดูผอมกว่าผู้หญิงคนอื่นอยู่ดี แต่อย่างน้อยร่างกายของเธอก็ผ่านพ้นภาวะเลวร้ายนั้นมาได้

และเธอก็หวังว่าการต่อสู้ของเธอจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน ให้รักสุขภาพและต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายไปด้วยกัน

ที่มา dailymail

Comments

Leave a Reply