13 สิ่งเฟี้ยวๆ ที่เปลี่ยนไปใน iOS 11 จะทำให้คุณตกหลุมรักได้ง่ายๆ เลย

หลังจากที่มีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่กันไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 13 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น iPhone 8 และ iPhone 8 plus รวมถึงตัวท็อปอย่าง iPhone X หรือก็คือ iPhone 10 นั้น ก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับสาวกได้พอสมควรเลย

แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะตามมาพร้อมกับ iPhone รุ่นใหม่ๆ แน่ๆ นั่นก็คือระบบปฏิบัติการณ์เวอร์ชั่นใหม่ที่จะให้สาวกทุกคนได้ใช้กันแน่ๆ ซึ่งมันก็คือ iOS 11 นั่นเอง และความโดดเด่นของเจ้าระบบเวอร์ชั่นใหม่นี้เรียกว่าเจ๋งมากๆ เลยทีเดียวล่ะ ว่าแต่มันจะมีอะไรบ้างนั้น เราลองมาดูกันดีกว่า กับ 13 สิ่งใหม่ๆ ที่รับรองว่าทุกคนจะต้องชอบ!!

 

1 . ฟีเจอร์ Live Photos จะดียิ่งกว่าเดิม

หลังจากที่มีการเปิดตัว Live Photos กันไปไม่นาน หลายคนก็อาจจะชอบเจ้าระบบนี้กันพอสมควร แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันขาดๆ อะไรบางอย่างไป ฉะนั้นไม่ต้องห่วงตอนนี้มันกำลังจะได้รับการอัพเดตเพิ่มแล้ว ให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น สามารถปรับแต่งภาพและทำให้เป็นไฟล์ Gif ได้ทันที

 

2. สามารถจุภาพได้เยอะมากขึ้น

ทางแอปเปิ้ลได้บอกว่า พวกเขาได้เปลี่ยนวิธีการบีบอัดไฟล์ภาพใหม่ ทำให้คุณสามารถเก็บรูปได้เยอะขึ้นจากตอน iOS10 ถึงสองเท่าเลยทีเดียวล่ะ ใครสายเก็บรูปในเครื่องก็จะต้องหลงรักแน่นอน

 

3. หน้าแอพสโตร์จะดียิ่งขึ้น!!

แอปเปิ้ลได้ทำการปรับเปลี่ยนหน้าแอพสโตร์กันเสียที โดยทำให้ดีไซน์ดูสบายตายิ่งขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญยังมีการเพิ่มหมวดเกมแยกออกมาอย่างจริงจังอีกด้วย

 

4. แอพ Messenger ที่สะบายตาและใช้งานง่ายขึ้น

หลังจากที่อัพเดตล่าสุด การส่งอิโมจิ สติ๊กเกอร์ และไฟล์ Gif นั้นยุ่งเยิงมากๆ กว่าจะทำความเข้าใจและใช้งานมันได้อย่างปกติ ทั้งนี้ทางแอปเปิ้ลจึงจัดการเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มันสะดวกและง่ายขึ้นใน iOS 11 นั่นเอง

 

5. Siri จะมีเสียงที่นุ่มนวลขึ้น และแปลภาษาให้ด้วย

หลังจากที่เราได้รู้จัก Siri กันมาเป็นเวลายาวนาน ในสุดทางแอปเปิ้ลก็ตัดสินใจพัฒนาความเป็นปัญญาประดิษณ์ที่คล้ายคลึงมนุษย์ขึ้นไปอีก โดยการทำให้เสียงของเธอนั้นสมูทยิ่งขึ้น มีความเป็นหุ่นยนต์น้อยลง ที่สำคัญยังทำให้เธอสามารถแปลภาษาให้เราได้ทันทีอีกด้วย

 

6. คีย์บอร์ดจะดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

คีย์บอร์ดในเวอร์ชั่น  iOS11 สามารถแนะนำคีย์เวิร์ดที่เราใช้บ่อยให้เราใช้ได้ทันที และยังรวมถึงใช้ในการเสิร์ชหาคำต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่นถ้าเพื่อนคุณส่งชื่อร้านอาหารมา แล้วคุณอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านนั้น แค่พิมลงไปใน Safari นิดเดียว ชื่อร้านนี้ก็จะเด้งมาให้ทันที ไงล่ะสะดวกใช่ไหม?

นอกจากนั้นคีย์บอร์ดจะเป็นมิตรกับการใช้มือเดียวมากยิ่งขึ้นด้วยนะ…

 

7. ในที่สุดเราก็ปรับแก้คอนโทรลเซนเตอร์ได้เสียที…

หลังจากที่แอปเปิ้ลปล่อยคอนโทรลเซนเตอร์มาให้เราใช้ตั้งแต่ iOS 7 จนปัจจุบันเราก็ทำอะไรกับมันไม่ได้จริงๆ เสียที ล่าสุดใน iOS 11 เราจะสามารถปรับแต่งมันตามการใช้งานของเราได้แล้ว เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ (ขอให้ปิด Cellular ได้จาก Control Center ซักทีเถอะ)

 

8. หน้าต่างแจ้งเตือนจะไม่มีการแบ่งแยกอีกต่อไป

ใน iOS 11 หน้าต่างแจ้งเตือนจะไม่มีการแบ่งแยกหมวดหมูอีกต่อไป มันจะซิมเปิ้ลและง่ายมากขึ้น เพียงแค่เลื่อนขึ้นลงเราก็จะสามารถมองเห็นทุกการแจ้งเตือนและสิ่งที่เราพลาดไปได้ในทันที

 

9. ฟีเจอร์ปิดการแจ้งเตือนขณะขับขี่

สุดยอดฟีเจอร์ที่จะทำให้ชีวิตของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อในปัจจุบันเรามักจะก้มหน้าหรือหยิบมือถือขึ้นมาเช็คตลอดเวลามันแจ้งเตือน ซึ่งรวมถึงเวลาขับรถด้วย ใน iOS 11 เราจะสามารถสั่งการให้มันปิดแจ้งเตือนขณะขับรถได้แล้ว และนั่นเองที่จะทำให้เรามีสมาธิมากขึ้นปลอดภัยมากขึ้น

 

10. แผนที่จะดียิ่งขึ้นทั้งในสถานที่และนอกสถานที่

จากเดิมที่เราจะหาแผนที่ได้เฉพาะนอกอาคาร แต่ใน iOS 11 แอปเปิ้ลได้อัพเกรตในส่วนของแผนที่แล้ว ทำให้เราสามารถดูสถานที่ต่างๆ ในอาคารใหญ่ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น เวลาไปเดินห้างใหม่ๆ ก็ไม่ต้องวุ่นวายหาร้านให้ลำบากอีกต่อไป

 

11. สามารถเซตอัพ iPhone หรือ iPad เครื่องใหม่ได้รวดเร็วและง่ายกว่าเดิม

สำหรับคนที่เป็นสาวกก็คงจะไม่หยุดอยู่ที่รุ่นเก่าๆ และอยากอัพรุ่นใหม่ๆ กันอยู่เสมอ แต่ว่าปัญหาคือเวลาซื้อเครื่องใหม่มาก็ต้องมานั่งตั้งค่าเริ่มต้นนั้นนี้ใหม่เสียเวลาซะเหลือเกิน ใน iOS 11 เราสามารถเซตอัพมันได้ง่ายมากๆ ให้เหมือนกับเครื่องเก่าได้เพียงแค่กดปุ่มเซตอัพกลางจอค้างไว้ และเอาไปไว้ใกล้กับเครื่องเดิม เท่านี้ก็เสร็จแล้ว

 

12. หน้าต่างปรับเสียง ในที่สุดมันก็ออกไปจากตรงกลางสักที

หลังจากที่เราต้องทนกับการปรับเสียงและมีหน้าจอมาบังระหว่างดูคลิปหรืออะไรก็ตามอยู่มาเป็นเวลานาน ในที่สุดใน iOS 11 ก็ได้ทำให้มันเล็กลงและย้ายไปอยู่มุมจอเสียที ฉะนั้นหมดปัญหาการบดบังไปได้เลย

 

13. ไม่ต้องกรอกไวไฟที่รู้อยู่แล้วให้วุ่นอีกต่อไป

ใน iOS 11 เราจะสามารถต่อไวไฟที่เรารู้อยู่แล้วหรือแชร์จากคนอื่นได้ทันทีโดยไม่ต้องกรอกรหัสใหม่ เพียงแค่เอาอุปกรณ์ของเราไปวางไว้ใกล้ๆ กับ iPhone iPad หรือ Mac ที่ต่อไวไฟไว้อยู่แล้ว สักพักเราก็จะได้รหัสและต่อไวไฟได้ในทันที สะดวกสุดๆ

 

ที่มา thisisinsider

Comments

Leave a Reply