พิธี ‘อุบะสึเทะ’ นำคนแก่ไปทิ้งในป่า อาจกลับมาในรูปแบบสมัยใหม่ หลังญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจ

เมื่อหลายร้อยปีก่อนชาวญี่ปุ่นจะมีพิธีกรรมที่มีชื่อว่า ‘Ubasute’ (อุบะสึเทะ) ตามตำนานเล่าว่าในสมัยเอโดะนั้น ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนอง ทำให้เหล่าเจ้าเมืองและผู้ปกครองนั้นมีอำนาจในการกดขี่ข่มเหงชาวประชา

ส่งผลให้เกิดความยากลำบาก รวมกับความแห้งแล้ง ส่งผลให้ความอดอยากตามมา เหล่าขุนนางจึงได้ออกคำสั่งให้ครอบครัวใดที่มีผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป จะต้องนำพวกเขาไปปล่อยในป่าลึก สถานที่รกร้างห่างไกลจากเมือง หรือบนภูเขา

เหล่าผู้สูงอายุที่ความจำเริ่มเลอะเลือนและโรยรา ถูกทิ้งให้อดน้ำ อดอาหารกลางป่าลึกอย่างน่าเวทนา สาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะความแก่ชราของพวกเขานั้นนอกจากจะไม่สร้างประโยชน์ให้กับเหล่าขุนนางแล้ว ยังเป็นตัวถ่วงทำให้เหล่าแรงงานไม่ยอมทำงานกันอีก

 

 

จนเวลาล่วงเลยผ่านไป ในปัจจุบันเจ้า พิธีกรรมอันแสนโหดร้าย Ubasute นั้นกำลังจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มากเกินไป

และคราวนี้ไม่ได้เป็นในรูปแบบของการเอาไปทิ้งในป่า หรือบนภูเขาแต่อย่างใด แต่เป็นการนำไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล องค์กรการกุศลที่อยู่ใกล้บ้าน หรือ ทิ้งเอาไว้เฉยๆ รอให้คนมารับไปอุปการะ

 

tokyotimes

 

“ยังมีผู้คนอีกมากมายที่มีรายได้เป็นที่แน่นอน แต่ก็ยังคงมีฐานะยากจนอยู่เพราะต้องคอยดูแลเหล่าญาติผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพวกเขากระอักกระอ่วนใจที่จะร้องขอความช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอาย” Takanori Fujita เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสังคมกล่าว

 

ภาพจำลองคุณลุงแก่ๆ (ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา อิอิ)

 

ดูเหมือนว่าเทรนด์นี้จะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็วๆ นี้ เพราะจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีในประเทศญี่ปุ่นนั้นคิดเป็น 26.7% จากจำนวนประชากร 127.11 ล้านคน

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการเคลื่อนไหวออกมาให้การช่วยเหลือเหล่าคนชราที่ถูกทิ้งกันบ้างแล้ว หลังจากที่มีองค์กรการกุศลได้ทำการก่อตั้ง ‘กล่องไปรษณีย์ผู้สูงอายุ’ (มีลักษณะเป็นสำนักงานออฟฟิศ ที่สามารถพาผู้สูงอายุมาไว้ที่นี่ได้) ขึ้นมา

จากนั้นก็จะทำการส่งตัวเหล่าผู้สูงอายุไปยังหมู่บ้านหลังวัยเกษียณ พวกเขาจะได้รับการดูแล และมีคุณภาพชีวิตดีๆ ที่พวกเขาสมควรได้รับ

 

เป็นเรื่องราวด้านมืดที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ที่ #เหมียวหง่าว เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเหมือนกันนะเนี่ย

ที่มา : bussinessinsider

Comments

Leave a Reply