บทความแนะนำ ‘ท่าเล่นมือถือ’ ที่ดีต่อร่างกาย และส่งผลเสียต่อสุขภาพเราน้อยที่สุด..!!

ว่ากันว่าในยุคที่เครื่องมือสื่อสาร มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำยุคสมัยไปมากๆ สิ่งเหล่านี้ก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ ให้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงไม่ค่อยเห็นใครยืนก้มหน้าเล่นมือถือเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้….ก็แทบจะทุกคนนั่นแหละ

แล้วรู้กันมั้ยล่ะว่า ท่าที่เราใช้เล่นกันอยู่เนี่ยจริงๆแล้วมันผิดหลักกายภาพนะเออ เราตามไปดูกันดีกว่าว่าจริงๆแล้ว เราควรเล่นมือถือในท่ากันแน่นะ

 

สำหรับใครที่มักจะมีติดนิสัย เล่นมือถือด้วยการเอียงศรีษะไปประมาณ 30 องศา ดั่งเช่นในรูปละก็ รู้มั้ยว่าส่วนคอของเราจะต้องรับน้ำหนักมากถึง 18 กิโลกรัม เลยทีเดียว

เพราะน้ำหนักจะถูกถ่ายเทไปรวมกันไว้ที่กระดูกสันหลัง ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน

11

 

และใครที่เอียงมากแบบชนิดที่ว่า ก้มหน้าแทบจะชิดจอมือถือ รู้มั้ยว่าด้วยลักษณะนี้ กระดูกสันหลังจะต้องรับน้ำหนักมากถึง 27 กิโลกรัม!!!

ด้วยน้ำหนักขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะส่งผลร้ายให้แก่ระบบกระดูก และร่างกายส่วนอื่นๆของเรามากขนาดไหน

22

 

และสำหรับบุคลิกที่เหมาะสม กับการใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุด ก็คือ การมองไปตรงๆ ไม่ก้มหัวลงมามากเกินไป พร้อมกับยืนหลังตรง

พยายามให้โทรศํพท์มือถืออยู่ในระดับสายตาที่พอดี โดยที่เราไม่จำเป็นต้องก้มหัวลงไป และเมื่อนำมาเทียบกันแล้ว สำหรับท่านี้ น้ำหนักจะเทลงไปที่กระดูกสันหลัง เพียงแค่ 5 กิโลเท่านั้นเอง

33

 

และถ้าหากใครที่ยังติดนิสัย กับการใช้โทรศัพท์มือถือในลักษณะบุคลิกภาพเดิม แล้วรู้สึกเจ็บบริเวณหลังละก็

นี่คือ 5 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยให้เราจัดการกับปัญหานี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

1. บริหารกล้ามเนื้อส่วนคอเป็นระยะๆ ด้วยการเอียงหัวสลับด้านไปมา

2. นวดไหล่ หรือกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอเป็นประจำ

3. ยืนตัวตรง แล้วยืดแขนให้สุด พร้อมกับแอ่นหน้าอก (คล้ายๆบิดขี้เกียจนั่นแหละ) เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หลังการใช้งาน ทั้งจากการนั่งเล่นคอม หรือเล่นโทรศัพท์มือถือ เป็นเวลานาน

4. ถ้าหากคุณใช้โทรศัพท์มือถือนานมากกว่า 10 นาที แนะนำให้บริหารร่างกายด้วยการกดคางลงมาที่หน้าอก พร้อมกับห่อไหล่ ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที เป็นอีกวิธีคลายกล้ามเนื้อที่ได้ผลดีเยี่ยม

5. และพึงระลึกไว้เสมอว่า การเล่นโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทาง และบุคลิกภาพที่ดีนั้น จะช่วยลดปัญหาสุขภาพในอนาคตได้

 

555

 

ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ลองใช้วิธีนี้ดู เผื่อว่าบางทีอาการปวดหลังของใครหลายๆคน อาจจะหายไปก็ได้นะ

emo-147

ที่มา: ChangeuaBrightSide

Comments

Leave a Reply