พบ “เอนเทโลดอนต์” หมูนรก 37 ล้านปี ที่ตัวใหญ่เท่าม้า ฟันหนาเท่าแขนคน

น้ำหนักมากกว่า 900 กิโลกรัม ขนาดตัวใหญ่โตเยี่ยงม้า และเขี้ยวแหลมคมขนาดเท่าแขนมนุษย์ นี่คือลักษณะโดยรวมของ “เอนเทโลดอนต์” (Entelodont) กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ได้รับชื่อเล่นสุดโหดจากเหล่านักวิทยาศาสตร์ว่า “หมูนรก” (Hell pig)

 

 

เอนเทโลดอนต์ เป็นสัตว์โบราณที่อาศัยอยู่บนโลกมาตั้งแต่ในช่วงกลางของยุคพาลีโอจีน หรือเมื่อราวๆ 37-16 ล้านปีก่อน ในหลากหลายพื้นที่ของโลกตั้งแต่ที่อเมริกาเหนือ ยุโรป หรือแม้กระทั่งเอเชีย และมีสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดชื่อ Daeodon ซึ่งถูกค้นพบที่รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา

เอนเทโลดอนต์นับว่าเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง (หากไม่นับไดโนเสาร์) ที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือเลยก็ว่าได้ เพราะแม้แต่เอนเทโลดอนต์ที่มีขนาดเล็กที่สุดที่เราเคยพบ มันก็ยังมีขนาดเท่ากับกวางโตเต็มวัย ส่วนเอนเทโลดอนต์ขนาดใหญ่นั้นสามารถมีขนาดได้เท่าๆ กับม้าคลายเดสเดล (ม้าที่อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ม้างาน)

 

 

จากฟอสซิลที่เคยมีการค้นพบมาของเอนเทโลดอนต์นั้น ทำให้เราทราบว่าหมูนรกเหล่านี้มีขนาดส่วนหัวที่ใหญ่โตเอามากๆ ถึงขั้นที่ว่าโดยเฉลี่ยแล้วส่วนหัวของพวกมันจะมีมวลมากถึง 35-45% ของมวลร่างกายทั้งหมด และถูกสันนิษฐานโดยผู้เชี่ยวชาญว่าเวลาพวกมันสู้กันมันจะสามารถยัดหัวของอีกฝ่ายไว้ในปากตัวเองได้เลย

แถมเอนเทโลดอนต์เองยังไม่ได้มีดีแค่ขนาดของหัวเสียด้วย เพราะทันทีที่มันอ้าปาก เราจะสามารถเห็นเขี้ยวขนาดใหญ่เท่าๆ กับแขนของมนุษย์เรียงอยู่ในสภาพพร้อมฉีกร่างเหยื่อผู้โชคร้ายให้เป็นชิ้นๆ ซึ่งเจ้าลักษณะราวกับหลุดออกมาจากฝันร้ายเหล่านี้เองที่ทำให้พวกมันถูกเรียกกันว่า หมูนรก หรือ หมูเทอร์มิเนเตอร์ในบางครั้ง

 

.

 

แต่แม้ว่าเจ้าหมูนรกเหล่านี้จะมีฟันหน้าที่น่ากลัวก็ตาม ฟันด้านในของมันกลับเป็นแบบเรียบซึ่งเป็นหลักฐานอย่างดีว่าพวกมันนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่นักล่าที่กินแต่เนื้ออย่างที่คิด กลับกันมันน่าจะเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งอาศัยฟันหน้าที่แหลมคมในการขุดดินหารากไม้เป็นอาหารมากกว่า

อีกหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจของเอนเทโลดอนต์ คือพวกมันนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่บรรพบุรุษหมูป่าตามชื่อ “หมูนรก” อย่างที่เราคิด กลับกันพวกมันกลับมีความใกล้เคียงไปทางสัตว์ในตระกูลฮิปโปหรือวาฬมากกว่า

 

 

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมสัตว์ที่ตัวใหญ่โตและน่าจะไม่มีสัตว์ตามธรรมชาติเช่นนี้สูญพันธุ์ไปได้ ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับความเปลี่ยนแปลงของอากาศก็เป็นได้

นั่นเพราะด้วยความที่ว่าอากาศในช่วงนั้นเย็นลง สภาพภูมิประเทศที่เคยเป็นป่าจึงกลายเป็นทุ่งหญ้า ดังนั้นหมูนรกจึงไม่สามารถขุดหารากไม้ตามปกติได้ แถมสัตว์อื่นๆ เองก็มักจะมีขายาวดังนั้นพวกมันจึงวิ่งหนีหมูนรกในที่กว้างได้ดีกว่าผืนป่า และส่งผลให้เอนเทโลดอนต์สูญพันธุ์ไปในที่สุด

 

ที่มา allthatsinteresting

Comments

Leave a Reply