สูตินรีแพทย์เผย 5 ประเภทกลิ่นจากจุดซ่อนเร้น บ่งบอกปัญหาสุขภาพช่องคลอด

จุดซ่อนเร้นของสาวๆ เป็นอะไรที่บอบบาง และต้องได้รับการดูแลอย่างดี หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นก็ต้องรีบหาสาเหตุเพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ทันท่วงที

กลิ่นของจุดซ่อนเร้นที่ผิดแปลกไปจากปกติ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราสามารถรับรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาวของเราบ้าง เพราะฉะนั้นต้องหมั่นสังเกตตัวเองให้ดีกันนะ

 

 

และในวันนี้ Dr. Vanessa Cullins และ Dr. Debora Nucatola สูตินรีแพทย์จากองค์กรวางแผนครอบครัว สหรัฐอเมริกาก็ได้ให้คำแนะนำเรื่องกลิ่นของจุดซ่อนเร้นที่ควรสังเกตไว้

แต่ก่อนอื่นสาวๆ ควรรู้ไว้ก่อนว่าแต่ละคนจะมีกลิ่นบริเวณจุดซ่อนเร้นที่แตกต่างกันไป และมันยากมากที่คนรอบตัวจะได้กลิ่นบริเวณจุดซ่อนเร้น อีกทั้งกลิ่นตามปกตินั้นก็ไม่ใช่กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ตามที่เคยเห็นในโฆษณากันด้วย

 

 

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลถึงกลิ่นของจุดซ่อนเร้นนั้นมีหลายปัจจัย เช่น การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การออกกำลังกาย เหงื่อ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะมีประจำเดือน

และทั้ง 5 กลิ่นด้านล่างนั้นก็เป็นกลิ่นของช่องคลอดที่สามารถพบได้บ่อยๆ หากเกิดอะไรผิดปกติขึ้น ทั้งนี้หากกลิ่นมันรุนแรงเกินไปก็ควรรีบไปพบแพทย์ อย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณจากร่างกายกันนะ

 

1. กลิ่นคาวปลา

 

อาการที่เป็นไปได้: ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis)

การรักษา: ทานยาแก้อักเสบ

Dr. Vanessa กล่าวว่า “มีแบคทีเรียหลายชนิดเติบโตในช่องคลอด ทั้งแบคทีเรียดีและไม่ดี และกลิ่นคาวปลาก็อาจเกิดขึ้นได้หากแบคทีเรียชนิดต่างๆ ไม่มีความสมดุลกัน บางคนอาจมีอาการตกขาว และคันร่วมด้วย แต่ในบางคนก็ไม่มีอาการเลย”

 

2. กลิ่นเหมือนขนมปัง หรือเบียร์

 

อาการที่เป็นไปได้: เชื้อราในช่องคลอด

การรักษา: ทานยาต้านเชื้อรา

Dr. Debora กล่าวว่า “เชื้อราในช่องคลอดจะเกิดขึ้นเมื่อมียีสต์ชื่อว่า Candida เติบโตมากเกินไป นอกจากได้กลิ่นแล้วอาจมีอาการตกขาวเคลือบหนาๆ จับตัวเป็นก้อนๆ คล้ายคอนเทจชีส (Cottage Cheese) ทั้งในช่องคลอด และบริเวณปากช่องคลอดก็เป็นได้”

 

3. กลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือเหม็นอับ

 

อาการที่เป็นไปได้: การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis)

การรักษา: ทานยาปฏิชีวนะ
Dr. Debora กล่าวว่า “เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ทั่วไป เกิดจากการส่งผ่านเชื้อปรสิตจากชายไปสู่หญิง หญิงไปสู่ชาย หรือหญิงไปสู่หญิงก็ได้ ส่งผลให้ผู้หญิงเกิดอาการช่องคลอด หรือท่อปัสสาวะอักเสบ สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้จากการใช้ถุงยางอนามัย”

4. กลิ่นหัวหอม หรือกระเทียม

อาการที่เป็นไปได้: เกิดกลิ่นตัว
การรักษา: อาบน้ำ

Dr. Debora กล่าวว่า “การทานหัวหอมหรือกระเทียมมากไปอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นในปัสสาวะ และกลิ่นในช่องคลอด แต่ประมาณ 24 – 48 ชั่วโมงต่อมาก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้สามารถอาบน้ำเพื่อช่วยให้กลิ่นบรรเทาลงได้”

 

5. กลิ่นเนื้อเน่า

 

อาการที่เป็นไปได้: ลืมผ้าอนามัยแบบสอด

การรักษา: ไปพบแพทย์ทันที

Dr. Debora กล่าวว่า “หากลืมถอดผ้าอนามัยแบบสอดไว้ในช่องคลอดนานหลายวันจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่ามาก หากรู้ตัวก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเอาผ้าอนามัยออกมาได้ และไม่เกิดปัญหาร้ายแรงในช่องคลอดตามมา”

 

สาวๆ รู้แบบนี้แล้วก็อย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณจากร่างกายที่กำลังเรียกร้องให้เราดูแลสุขภาพตัวเอง และสำรวจตัวเองกันล่ะ หากพบว่ามีกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งตามนี้ก็ควรรักษาให้กลับมาหายเป็นปกติด้วยนะ เพื่อให้จุดซ่อนเร้นห่างไกลโรค 😀

 

ที่มา: teenvogue, nytimes


Posted

in

by

Tags:

Comments

Leave a Reply