ตอบทุกจุด กรณี “พลเมืองงัดรถช่วยเด็ก” แม่เรียกร้องค่าเสียหาย ต้องใช้แอปฯ เปิดประตู?!

วันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุการณ์ที่กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล นับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2019 ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนอาจได้ยินเรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ยังแอบสงสัยในข้อเท็จจริงบางจุด กับกรณี

“พลเมืองดีพยายามงัดรถช่วยเด็ก 1 ขวบ แต่แม่ของเด็กกลับเอาแต่เล่นมือถือ และจะเรียกค่าเสียหาย”

 

รายละเอียดเรื่องราวจากรายการทุบโต๊ะข่าว

 

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริเวณด้านหลัง ตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ชาวบ้านในละแวกนั้นพบว่ามีรถเก๋งยี่ห้อ MG คันหนึ่งจอดอยู่ และเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งพยายามใช้เหล็กงัดประตูรถ

แต่ที่เธอพยายามทำอยู่นั้นไม่ใช่เพราะว่าต้องการขโมยรถ “เธอทำไปด้วยความหวังดี” เพราะเมื่อชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบดูถึงได้รู้ว่า “มีเด็กเล็กติดอยู่ภายในรถคันดังกล่าว”

 

 

แล้วสาวพลเมืองดีคนนี้มาพยายามช่วยเด็กได้อย่างไร?

มันเริ่มจากการที่ “แม่ของเด็ก” ไม่สามารถเปิดเข้าไปในรถได้เพราะ “ลืมกุญแจไว้ในรถ” เธอจึงโทรหาสามีที่เป็นช่างทำกุญแจอยู่ใน กทม. เพื่อจะหาทางช่วยเหลือลูกน้อยวัย 1 ขวบที่ติดอยู่ภายใน

สามีของเธอจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่เป็นช่างทำกุญแจอยู่ในละแวกใกล้เคียง แต่ตอนนั้นเพื่อนไม่ว่างและฝากให้ หนาย ผู้เป็นภรรยาเข้ามาช่วยเหลือแทน เนื่องจากว่า หนาย ก็มีความรู้ในเรื่องนี้เหมือนกัน

 

หนาย หญิงสาวชุดน้ำเงินที่พยายามใช้เหล็กงัดรถ

 

เมื่อ หนาย มาถึงสถานที่เกิดเหตุ เธอก็พยายามใช้เหล็กงัดประตูรถคันดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ติดอยู่ ในขณะที่เราจะเห็นว่าทางฝั่งแม่ของเด็กนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตากดจอมือถือ

หนาย พยายามอยู่นานสองนาน ชาวบ้านก็พากันมุงเข้ามาดูเหตุการณ์ แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกู้ภัยก็เข้ามาดูสถานการณ์ให้ด้วย ซึ่ง ณ ตอนนั้น หลายๆ ฝ่ายเริ่มให้ความเห็นว่า “ควรจะทุบกระจกรถไปเลย”

 

 

แต่ทว่าทางฝั่งแม่ของเด็กนั้นกลับปฏิเสธข้อเสนอแนะดังกล่าว และยังคงก้มหน้าก้มตาดูจอสมาร์ทโฟนสลับกับมองลูกที่นั่งอยู่ในรถไปเรื่อยๆ ทางด้านสาวพลเมืองดีก็พยายามใช้เหล็กงัดรถซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนกระทั่งจู่ๆ กลอนประตูรถก็เปิดออกได้แบบงงๆ ทั้ง 4 ด้าน โดยที่นั่นไม่ได้เป็นผลมาจากการงัดรถ แต่ในตอนแรกก็ไม่มีใครรู้เลยว่า “ประตูรถมันเปิดเองได้อย่างไรกัน?”

 

 

ประตูเปิดเองได้ซะอย่างนั้น!!

สำหรับใครที่กำลังคิดว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวช่วย” คำตอบคือ “ไม่ใช่” นะฮะ เพราะแท้จริงแล้วต้องให้เครดิตไปที่ “ระบบสุดอัจฉริยะของเจ้ารถ MG” ที่สามารถสั่งการปลดล็อกรถผ่านสมาร์ทโฟนได้?!

อย่างที่เราเห็นว่าผู้เป็นแม่นั้นก้มหน้าก้มตาอยู่แต่กับจอมือถือ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอนั้นพยายามติดต่อไปหาศูนย์ให้บริการของบริษัทรถ MG ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทได้ออกมายืนยันในภายหลัง

 

 

แม่ของเด็กปรึกษากับทางบริษัทว่าควรทำอย่างไร โดยพวกเขาก็ได้เสนอให้เธอใช้แอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า iSmart แอปที่ช่วยให้เจ้าของรถสามารถปลดล็อกประตูได้ด้วยตนเอง หรือจะบีบแตร เปิดไฟหน้า ไฟท้ายก็ยังได้

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเป็นแม่ถึงก้มหน้าก้มตาดูจอมือถือตลอด แล้วจู่ๆ ประตูรถก็กลับปลดล็อกได้ซะอย่างนั้น

 

เสริมเรื่องกุญแจรถกันสักนิด

ทางบริษัท MG ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตามปกติแล้วหากคนขับลืมกุญแจไว้ในรถ ประตูมันจะไม่ล็อกเองอัตโนมัติ แต่ในกรณีนี้ พวกเขาเชื่อว่ามันอาจเป็นเพราะ

1. เด็กเผลอกดปุ่มล็อกตรงรีโมตกุญแจที่แม่ลืมไว้ในรถ

2. เด็กเผลอไปโดนปุ่มเซ็นทรัลล็อกที่ประตูฝั่งคนขับ

 

 

แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องราวยังไม่จบหรอกนะ…

หลังจากที่สามารถช่วยเด็กออกมาได้แล้ว ทางผู้เป็นแม่ก็ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจาก หนาย พลเมืองดีที่พยายามใช้เหล็กงัดรถ ซึ่งเธอมองว่าเป็นการทำให้รถของเธอนั่นมีรอยขีดข่วน

ตรงจุดนี้ทำให้ หนาย รู้สึกงงมาก เพราะเธอมองว่าตัวเองทำไปเพราะความหวังดี แต่กลับถูกเจ้าของรถเรียกร้องค่าเสียหายซะอย่างงั้น?!

 

 

ถึงอย่างไร เธอก็เลือกที่จะให้เบอร์ติดต่อแก่แม่ของเด็กไป ก่อนที่ต่อมาคุณแม่เสื้อชมพูคนนั้นจะโทรหาเธอจริงๆ หนาย จึงให้สามีของตนเป็นคนรับสาย

สามีได้พูดคุยกับแม่ของเด็ก และเขาก็บอกกับเธอว่า “ให้ไปตามสามีมาคุย เพราะว่าผมเป็นเพื่อนเขา เรารู้จักกันดี” ก่อนจะวางสายไป

 

 

หากใครยังจำกันได้ว่า ในตอนแรกสุดนั้น สามีของเจ้าของรถเป็นคนเธอหาสามีของ หนาย เอง นั่นก็เพราะว่าทั้งสองคนเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่สงสัยว่าภรรยาของพวกเขาคงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวทุกอย่างจึงจบลงด้วยดี โดยที่ทางฝั่งสามีได้พูดคุยเคลียร์ใจกันไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีการชดใช้ค่าเสียหายแต่อย่างใด

 

ที่มา: ทุบโต๊ะข่าว , dailynews


by

Tags:

Comments

Leave a Reply