ชม 20 ภาพ “การปลดปล่อยกรุงปารีส” ยามที่ฝรั่งเศสเป็นอิสระจากการปกครองโดยนาซีใหม่ๆ

สำหรับชาวฝรั่งเศสแล้วเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ช่วงหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะในเดือนนี้คือช่วงเวลาที่ฝรั่งเศสจะได้กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง หลังจากที่ถูกปกครองโดยนาซีเยอรมันมาเป็นเวลายาวนานกว่า 4 ปี

ในช่วงเวลานั้น แน่นอนว่าจะต้องมีช่างภาพจำนวนมากออกมาถ่ายภาพวันสำคัญเช่นนี้เก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์กันเป็นธรรมดา และแน่นอนว่าภาพเหล่านี้เองก็ถูกเก็บรักษาไว้มาจนถึงในปัจจุบันเลยด้วย

ดังนั้น ในวันนี้เอง #เหมียวศรัทธา จึงได้นำภาพส่วนหนึ่งที่ถูกถ่ายไว้ระหว่างที่กองทัพสัมพันธมิตรปลดปล่อยฝรั่งเศสมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ไปดูกันดีกว่าว่าวันที่ประเทศได้อิสระอีกครั้งนั้น ที่ฝรั่งเศสเขามีบรรยากาศแบบไหนกัน

 

เริ่มกันจากภาพของประชาชนที่ต้อนรับทหารสัมพันธมิตรด้วยรอยยิ้ม

 

เหล่าหนุ่มๆ ที่กำลังเข็นรถใส่ธงประเทศอังกฤษและอเมริกา

 

การเดินขบวนในงานเฉลิมฉลองที่ Champs-Élysées

น่าเสียดายที่ในการเดินขบวนครั้งนี้มีนายพลคนหนึ่งถูกลอบสังหารโดยพลซุ่มยิงของนาซี

.

 

หนึ่งในรถถังที่ใช้ในขบวน

 

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Winston Churchill และนายพล Charles De Gaulle ชาวฝรั่งเศสในการฉลองวันสงบศึก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1944

 

ภาพของเครื่องบินที่บินผ่านขบวนฉลองไปเมื่อเดือนสิงหาคม 1944

 

กลุ่มผู้คนที่เดินทางมาดูขบวนฉลอง

 

พลเรือนชาวฝรั่งเศสในขบวนพาเหรดฉลองการปลดปล่อยปารีส ซึ่งมีการจัดขึ้นสองครั้งคือในวันที่ 26 สิงหาคม และ 29 สิงหาคม

.

 

พลเรือนและเป็นสมาชิกของกลุ่มต่อต้านชาวฝรั่งเศส จูบทักทายกันหลังจากปลดปล่อยฝรั่งเศสจบลง

 

ภาพฝูงชนที่มาถือป้ายแสดงความยินดีอยู่ข้างๆ ขบวนพาเหรด

 

ภาพของ Champs-Élysées ในวันฉลองจากมุมสูง

 

ชาวปารีสดื่มฉลองให้แก่ความสำเร็จของฝั่งพันธมิตรหลังจากการปลดปล่อยปารีสจบลง

 

ทหารอเมริกันที่จูบกับสาวชาวฝรั่งเศสที่เดินทางผ่านมาด้วยจักรยาน 25 สิงหาคม 1944

 

ชาวเมืองที่มารอทักทายนายพล Charles De Gaulle หลังการปลดปล่อยฝรั่งเศส

 

เหล่าวัยรุ่นที่กำลังฉีกโปสเตอร์ของทางนาซี

 

เหล่าประชาชนที่ออกไปยืนฉลองอยู่บนรถถังในการเดินขบวนฉลองที่ปารีส

 

สาวฝรั่งเศสกับทหารอากาศหนุ่มแห่งกองทัพอากาศอังกฤษ

 

และปิดท้ายกันไปด้วยภาพของกองทหารราบที่ 4 แห่งสหรัฐอเมริกา ที่กำลังมองไปยังหอไอเฟล

 

ที่มา allthatsinteresting

Comments

Leave a Reply