นักโบราณคดีสกอตแลนด์ พบหลักฐานอารามเก่าแก่ ที่ถูกทำลายโดยไวกิ้งเมื่อพันกว่าปีก่อน

ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 7 องค์หญิง Aebbe แห่ง Coldingham ของประเทศสกอตแลนด์ ได้ทำการสร้างอารามแห่งหนึ่งขึ้นในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ หลังจากที่เจ้าตัวเปลี่ยนศาสนามาเป็นศาสนาคริสต์

 

องค์หญิง Aebbe แห่ง Coldingham หนึ่งในบุคคลสำคัญของศาสนาคริสต์แห่งสกอตแลนด์

 

ตามปกติผลงานเช่นนี้น่าจะเป็นสิ่งที่หลงเหลือมาตามประวัติศาสตร์ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวโบราณ แต่แล้วอารามขององค์หญิง Aebbe กลับถูกทำลายไปในปี ค.ศ. 870 เสียก่อน จากการรุกรานของชาวไวกิ้ง

สถานที่ตั้งจริงๆ ของอารามดังกล่าวค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลาหลังจากนั้น ทำให้เหล่านักโบราณคดีที่พยายามหาหลักฐานของโบราณสถานแห่งนี้ต้องพบกับความลำบากเป็นอย่างมาก

แต่แล้วเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มนักโบราณคดีก็ได้พบกับข่าวดีจนได้ เมื่อในที่สุดพวกเขาก็พบร่องรอยอารามขององค์หญิง Aebbe เข้าจนได้ หลังจากที่ตามหากันมาอย่างยาวนาน

 

 

โดยนี่เป็นรอยรอยของ หนึ่งในโครงสร้างการป้องกันที่อยู่อาศัยโบราณซึ่งเรียกกันว่า “Vallum” หรือหลุมขุดที่จะอยู่หลังกำแพงเมืองอีกที

แม้ว่าตามปกติ Vallum จะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันเมือง แต่ในกรณีของสถานที่แห่งนี้ ตัวหลุมมีขนาดค่อนข้างตื้น ดังนั้นเหล่านักโบราณคดีจึงเชื่อกันว่าหลุมเหล่านี้น่าจะใช้งานเป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกว่าพื้นที่ต่อจากนี้ไป จะเป็นพื้นที่ (หมู่บ้าน) ศักดิ์สิทธิ์มากกว่า

 

 

นอกจากนี้ห่างออกไปจากตัวหลุมไม่ไกลนัก ทีมนักสำรวจยังมีการค้นพบโครงกระดูกของสัตว์อย่างวัว มา หมู แพะ แกะ ไก่บ้าน และกวางแดงอีกเป็นจำนวนมากด้วย ซึ่งเป็นหลักฐานอย่างดีว่าในอดีตที่แห่งนี้เคยมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมาก่อน

แถมจากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีโครงกระดูกเหล่านี้ยังมาจากช่วงปี 664-864 ซึ่งตัวอารามยังไม่ถูกทำลายอีกด้วย

 

 

หลักฐานเหล่านี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นว่าอารามขององค์หญิง Aebbe ในอดีตเคยมีการสร้างและใช้งานจริงๆ เท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในการชี้ตำแหน่งที่ชัดเจนของตัวอารามอีกด้วย

เพราะตามปกติอารามจะอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านมากนัก ดังนั้นนักโบราณคดีจึงบอกว่าเป็นไปได้มาที่ตัวอารามนั้นจะอยู่ใต้สำนักศาสนา Coldingham อาคารโบราณอีกแห่งที่ถูกใกล้ๆ เองเลย

 

สำนักศาสนา Coldingham เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11-12

 

นี่นับเป็นการค้นพบที่น่าภูมิใจมากๆ ของทางนักโบราณคดีเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะการค้นหาครั้งนี้เกิดขึ้นได้โดยมีเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากการระดมทุน และการให้ความช่วยเหลือของเหล่าผู้ที่เคารพในตัวขององค์หญิง Aebbe นั่นเอง

 

ที่มา livescience

Comments

Leave a Reply