พบไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ ที่ทำให้เราทราบว่า “ไทแรนโนซอรัส” เดิมทีแล้วตัวเล็กกว่าที่เราคิด

เมื่อพูดถึงไทแรนโนซอรัส เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงนึกถึงไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ที่กินเนื้อเป็นอาหาร และดุร้ายมากๆ ตามในภาพยนตร์กันเป็นส่วนใหญ่

 

 

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับไดโนเสาร์ตัวนี้ กลับค่อยๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของมันเปลี่ยนไปจากที่เราคิด ไม่ว่าจะการที่พวกมันกินกันเอง หรือการที่พวกมันอาจจะเคยกินศพเป็นหลักมาก่อน (ถึงข้อหลังจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็ตาม)

และเมื่อล่าสุดนี้เอง เราก็มีการค้นพบใหม่ที่ออกมาบอกว่าไทแรนโนซอรัส ที่เราเห็นกันนั้นแท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้ตัวใหญ่อย่างที่เราเห็นมาตั้งแต่ต้นก็เป็นได้

 

 

นั่นเพราะเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในวารสาร Communications Biology ได้มีการออกมาตีพิมพ์การค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ “Moros intrepidus” ไดโนเสาร์ขนาดเล็กสมาชิกใหม่ของตระกูลไทแรนโนซอรัส ที่รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา และคาดกันว่ามีชีวิตอยู่มาก่อนไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ ที่เรารู้จักกันเสียอีก

โดยเมื่อดูจากฟอสซิลที่พบแล้ว Moros intrepidus จะมีส่วนสูงเพียงแค่ 90-120 เซนติเมตรในขณะโตเต็มวัยเท่านั้น ซึ่งผิดกับไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ที่มีความสูงถึง 4 เมตร

 

 

ขนาดตัวของมันทำให้นักชีววิทยาเชื่อว่าไทแรนโนซอรัสในสมัยก่อนน่าจะมีน้ำหนักเบา และอาศัยความเร็วเป็นกุญแจหลัก ทั้งในการล่าเหยื่อ และหนีจากการถูกล่าเสียเอง

แต่ถึงแม้จะมีขนาดเล็กก็ตาม ฟอสซิลของ Moros intrepidus นั้นกลับอายุมากกว่า 96 ล้านปี ซึ่งมากกว่าฟอสซิลของไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ ที่มักมีอายุ 66 ล้านปีมาก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่า Moros intrepidus น่าจะเป็นบรรพบุรุษของไทแรนโนซอรัสอื่นๆ อีกทีนั่นเอง

 

 

อันที่จริงในอดีตเราก็พอจะทราบกันอยู่แล้วว่า ไทแรนโนซอรัสมีการวิวัฒนาการให้ตัวใหญ่ขึ้นในช่วงยุคจูราสสิก (201-145 ล้านปีก่อน) ถึงยุคครีเทเชียส (145-66 ล้านปีก่อน) แต่การพบ Moros intrepidus ก็ทำให้เราทราบว่าการ วิวัฒนาการให้ตัวใหญ่ขึ้นเหล่านี้เกิดขึ้นจริงๆ ในช่วงยุคครีเทเชียส ซึ่งนับว่าช้ากว่าที่เราคิด

แต่นั่นก็หมายความว่าไทแรนโนซอรัสใช้เวลาสั้นมากในการวิวัฒนาการตัวเองให้ใหญ่ขึ้นเช่นกัน และความเร็วนี้เอง ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญให้ความสนใจในงานวิจัยชิ้นนี้เป็นอย่างมาก

 

พื้นที่ในรัฐยูทาห์ที่มีการค้นพบฟอสซิล Moros intrepidus

 

แต่เหตุผลที่ทำให้ไดโนเสาร์เหล่านี้เติบโตขึ้นไปอย่างรวดเร็วคืออะไรนั้น สุดท้ายก็ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องมีการตรวจสอบกันต่อไปอยู่ดี

 

ที่มา historynytimes

Comments

Leave a Reply