เปิดตำนาน “การฝังม้าแบบไวกิ้ง” เมื่อตัวผู้ถูกฝังพร้อมคนตาย ตัวเมียกลับถูกทำอาหาร!?

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา มีนักโบราณคดีหลากหลายชนชาติได้ทำการศึกษาสุสานของชาวไวกิ้งกว่า 335 แห่งในประเทศไอซ์แลนด์ จนทำให้มีการค้นพบความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับชาวไวกิ้งเป็นจำนวนมาก

 

 

พวกเขาพบว่าในบรรดาสุสานเหล่านี้ เกือบๆ ครึ่งหนึ่งจะมีการฝังกระดูกม้าที่มีอายุกว่า 1,000 ปีเอาไว้ด้วย และแม้ว่ากระดูกบางส่วนจะเก่าแก่เกินกว่าที่จะสามารถทำการตรวจสอบได้ แต่จากการตรวจสอบกระดูกม้า 19 ตัว พวกเขาก็พบว่าม้าที่พบนั้นมีถึง 18 ตัวที่เป็นตัวผู้

เท่านั้นยังไม่พอเพราะจากการตรวจสอบ DNA ของกระดูกท้าที่เคยมีการค้นพบมา นักวิทยาศาสตร์ก็ยังพบอีกว่าม้าที่ถูกฝังไว้ในสุสาน ทั้งหมดล้วนแต่เสียชีวิตในขณะที่มีสุขภาพดี

การค้นพบในครั้งนี้เป็นที่สนใจของเหล่านักโบราณคดีมาก เพราะการที่ม้าถูกนำไปฝังทั้งๆ ที่สุขภาพดี เป็นหลักฐานอย่างดีว่าสาเหตุการเสียชีวิตของม้าเหล่านี้ ล้วนเกิดจากการถูกฆ่าโดยชาวไวกิ้งเอง

 

ม้าของไอซ์แลนด์ในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเป็นลูกหลานของม้าไวกิ้ง

 

นี่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ว่าเมื่อชาวไวกิ้ง (ที่มีฐานะสูง) เสียชีวิต ญาติๆ จะทำการฝังม้าตัวโปรดของพวกเขาไปพร้อมๆ กัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง การที่ปริมาณม้าตัวผู้ที่ถูกฝังมีมากกว่าม้าตัวเมียอย่างเห็นได้ชัดก็ช่วยบ่งบอกค่านิยมของคนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

เป็นไปได้ว่าที่ม้าตัวผู้เป็นที่นิยมกว่าม้าตัวเมีย (ในการนำไปฝัง) จะมาจากแนวคิดที่ว่าม้าตัวผู้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรง กล้าหาญ เหมาะสมกับการใช้บรรยายผู้ซึ่งถูกฝังในสุสาน (ที่มักจะเป็นผู้ชาย)

กลับกันกระดูกของมาที่เป็นเพศเมีย มักจะมีการถูกค้นพบในสถานที่อื่นๆ นอกจากตัวสุสานเอง และมีสภาพถูกสังหารด้วยการทุบที่หัวหรือตัดคอ ซึ่งแตกต่างจากม้าในสุสานที่ถูกสังหารในรูปแบบที่เห็นกันบ่อยๆ ใน “พิธีกรรม”

 

หนึ่งในกระดูกม้าที่ถูกนำไปตรวจสอบจากพื้นที่ Berufjörður ของประเทศไอซ์แลนด์

 

จากร่องรอยของกระดูกที่พบภายนอกตัวสุสาน เป็นไปได้ว่าม้าเหล่านี้จะถูกฆ่าเพื่อนำไปทำเป็นอาหารหลังจากที่โตมาได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้นที่จะไม่ปล่อยให้ม้าตายไปด้วยสาเหตุตามธรรมชาตินั่นเอง

ในปัจจุบันนักโบราณคดีได้วางแผนตรวจสอบตัวอย่าง DNA ของม้าเหล่านี้เพิ่มเต็มต่อไป และเปรียบเทียบหลักฐานกับม้าของยุโรปเหนืออื่นๆ ในยุคเดียวกัน เพื่อหาลักษณะในขณะมีชีวิต และที่มาของม้าเหล่านี้ต่อไป

 

ที่มา historylivescience

Comments

Leave a Reply