Category: เกาะติดเทคโนโลยี

แม้ในอดีตปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้นั้นจะดูเป็นเรื่องในอนาคตอันห่างไกล แต่ในปัจจุบันนี้ก็ถือได้ว่าเราพัฒนามาได้ไกลไม่น้อย และจากการที่เรามีหนังไซไฟแนวระทึกขวัญออกมามากมาย ก็มีอีกหลายๆ คนที่นึกกลัววันหนึ่ง เหล่า A.I. ที่มนุษย์เราป้อนโปรแกรมเข้าไปจะเกิดมีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้เองในจุดหนึ่ง     ในความจริงนั้น A.I. หลายๆ ตัวก็สามารถเรียนรู้ทักษะหรือการสื่อสารแบบใหม่ๆ ได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์ ซึ่งได้จากการประมวลผลคำพูดและรูปแบบของมนุษย์ ความฉลาดของ A.I. นั้นก็สังเกตเอาได้จากเหล่าผู้ช่วยอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น Google Assistant ที่สามารถทำตามคำสั่งและพูดคุยพื้นฐานกับเราได้     หรือ Alexa ของเว็บไซต์ซื้อขายออนไลน์ชื่อดังอย่าง Amazon ที่ก็มีความสามารถสูงไม่แพ้กัน แถมยังเคยตกเป็นข่าวดังว่าช่วยเด็กน้อยคนหนึ่งทำการบ้านด้วย ล่าสุดแม่สาว Alexa ก็สร้างข่าวขึ้นอีกครั้ง แต่วีรกรรมในคราวนี้ไม่ค่อยจะใช่เรื่องดีเท่าไรนัก… Michael Slade หนุ่มวัย 29 ปี จากเมือง Cwmbran ประเทศเวลส์ ผู้เป็นสมาชิก Amazon Prime ซึ่งเป็นสถานะสมาชิกระดับพรีเมี่ยมของเว็บ Amazon     ซึ่งสถานะสมาชิกนี้ก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งการรับชมวิดีโอออนไลน์ ส่วนลดพิเศษ หรือการส่งของที่เร็วกว่าปกติ โดยมีค่าสมาชิกอยู่ที่…

เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีและยังมีการพูดถึงอยู่เรื่อยๆ กับการที่สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจ “ขึ้นบัญชีดำ” บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน อย่าง Huawei และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็นำไปสู่การที่บริษัททั่วสหรัฐฯ จำเป็นต้อง “ยุติการทำธุรกิจ” กับบริษัทดังกล่าว ไม่เว้นแม้แต่บริษัท Google เองก็ด้วย   อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: CEO บริษัท Huawei ยืนยัน “จะยังคงให้บริการอย่างเต็มที่” มีแผนรองรับไว้อยู่แล้ว     สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้ทาง Huawei และเหล่าชาวจีน ออกมาตอบโต้สหรัฐฯ ในรูปแบบต่างๆ คนจำนวนมากถึงขั้นที่ว่า “เลิกใช้ iPhone แล้วไปใช้ Huawei แทน” ด้วยเหตุผลหนึ่งที่ว่า Apple เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน   อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: ‘การใช้ iPhone เป็นเรื่องที่น่าอับอาย’ คนจีนแห่เปลี่ยนมาใช้ Huawei กันทั่วบ้านทั่วเมือง     และล่าสุด (31 พ.ค. 2019) สำนักข่าว Financial Times…

อย่างที่เราทราบกันไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทางสหรัฐอเมริกา ได้ “ขึ้นบัญชีดำ” บริษัท Huawei ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่ของจีน อีกทั้งทาง Google เองก็ได้หยุดทำธุรกิจกับบริษัทดังกล่าว   อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: CEO บริษัท Huawei ยืนยัน “จะยังคงให้บริการอย่างเต็มที่” มีแผนรองรับไว้อยู่แล้ว     เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า “เป็นสงครามด้านเทคโนโลยี” ที่ส่งผลกระทบออกไปเป็นวงกว้าง และกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก แน่นอนว่าการที่ประเทศอเมริกาตัดสินใจยุติการซื้อ-ขายกับบริษัทดังกล่าว นั่นจึงส่งผลทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกมองว่าการพัฒนา Huawei ต่อไปหลังจากนี้นั้นคงจะประสบความสำเร็จได้ยากยิ่ง ลองคิดดูง่ายๆ ว่า สมาร์ทโฟน Huawei รุ่นใหม่ๆ หลังจากนี้จะไม่มีแอปยอดนิยมอย่าง Gmail, Google Maps หรือ Youtube ให้เราได้ใช้กัน เป็นอย่างนั้นแล้วจำนวนผู้ใช้ทั่วโลกก็อาจจะลดลงไปไม่น้อยเลย     แม้ทาง ประธานบริหารสูงสุด (CEO) ของทาง Huawei จะออกมาบอกว่า “พวกเราได้เตรียมการสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้เอาไว้อยู่แล้ว” แต่นั่นก็อาจไม่พอที่จะสร้างความคาดหวังให้กับผู้ใช้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้ใช้ทั่วโลกต่างเกิดความคิดที่จะเลิกใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้อนี้ ทว่าในประเทศจีนนั้นกลับต่างออกไป เมื่อผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเลิกใช้สมาร์ทโฟนชื่อดังอย่าง iPhone…

เป็นอีกหนึ่งประเด็นทางด้านเทคโนโลยีระดับโลก หลังจากที่ทางบริษัท Google ตัดสินใจ “หยุดทำธุรกิจ” กับทางบริษัท Huawei ของประเทศจีน   อ่านข่าวเก่าได้ที่ลิงก์: สหรัฐฯ บีบ Google ให้หยุดทำธุรกิจกับ Huawei มีผลให้ไม่ได้รับอัปเดตอีกต่อไป     อย่างที่เราทราบกันว่าการตัดสินใจร่วมกันของรัฐบาลสหรัฐฯ และ Donald Trump ผู้เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ทำการเพิ่ม Huawei เข้าไปในบัญชีดำทางการค้า นั่นหมายความว่าประเทศสหรัฐฯ จะไม่ทำการค้าขายใดๆ กับบริษัทดังกล่าวอีกต่อไป   Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา   กล่าวคือบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำอย่าง Qualcomm และผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันรายอื่นๆ จะไม่ทำการขาย “ชิปเซ็ต” สำหรับสมาร์ทโฟนให้กับทาง Huawei อีกหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 พ.ค. 2019 Ren Zhengfei ประธานบริหารสูงสุด (CEO) ของทาง Huawei ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า… “เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมายเลย…

เป็นเรื่องที่เราทราบกันดีว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก จนอะไรที่เคยเป็นที่สุดเมื่อปีสองปีก่อน ในปัจจุบันก็อาจจะกลายเป็นของที่เห็นได้เกลื่อนตลาดไปแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นคงต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์เอง เราก็กำลังจะได้พบกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่เร็วยิ่งกว่ารุ่นเก่าเช่นกัน     นั่นเพราะเมื่อล่าสุดนี้เอง เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ประสบความสำเร็จในการออกแบบทางวิศวกรรมของซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะมีความสามารถมากกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Summit” ของทาง IBM ซึ่งในปัจจุบันถูกจัดว่าเป็น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกเสียอีก เจ้าคอมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ ประกอบไปด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์หลักสองเครื่อง ที่จะทำงานร่วมกันในชื่อ “Science Data Processor” (SDP) และออกแบบมาเพื่อเก็บและประมวลผลข้อมูลของ “Square Kilometre Array” (SKA) โครงการความร่วมมือของนานาชาติในการสร้างเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ใหญ่ที่สุดในโลก   ภาพจำลองระบบ SKA ในออสเตรเลีย   SDP เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของนักวิจัยกว่า 11 ประเทศ และใช้เวลาถึง 5 ปีในการผลิต ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอัลกอริธึมสำหรับหนึ่งในสองซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในระบบ เหล่านักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่าหาก SDP ถูกสร้างสำเร็จ มันจะถูกนำไปติดตั้งไว้ที่เมืองเพิร์ทประเทศออสเตรเลีย และเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้ เพื่อเตรียมการรับข้อมูลกว่า 600 เพตะไบต์ต่อปี (หนึ่งเพตะไบต์ = ราวๆ…

นับวันเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะยิ่งพัฒนาก้าวไกลไปเรื่อยๆ จนบางทีเหล่าอัจฉริยะสมองใสก็คิดทำเครื่องอำนวยความสะดวกแบบที่เรานึกไม่ถึงขึ้นมาได้ ล่าสุดชาวเน็ตก็ได้ตกตะลึงกันอีกครั้งกับภาพเครื่องที่ดูล้ำๆ หน้าตาคล้ายๆ ตู้แตะบัตรขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเรา แต่มันดันมีรูสีชมพูๆ อยู่ตรงช่วงกลางๆ ของเครื่องนี่สิ     แต่นี่ไม่ใช่ภาพ “ทดสอบศีลธรรม” แต่อย่างใด เพราะเจ้ารูตรงนั้นมันมีเอาไว้ให้เหล่าชายหนุ่มได้เสียบอาวุธประจำกายเข้าไปจริงๆ น่ะแหละ โดนเจ้าเครื่องที่ว่านี้คือ “เครื่องดูดสเปิร์ม” ผลงานจากพี่จีนเจ้าเก่าของเรานี่เอง เจ้าเครื่องนี้นั้นไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อให้ซื้อไปใช้ป่ามป๊ามแทนคนจริงแบบพวกตุ๊กตายางหรอก (ก็หน้าตาของมันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกปึ๋งปั๋งด้วยนะ) แต่มันมีเอาไว้ให้บริการชายคนใดก็ตามที่มีความประสงค์อยากจะ “บริจาคอสุจิ” ต่างหาก     คราวนี้แทนที่จะต้องไปลำบากบิ้วอารมณ์ แล้วใช้น้องอุ้งมือในการรีดของบริจาคใส่ถ้วยพลาสติก ทางโรงพยาบาลก็จะให้ท่านชายใจบุญได้เอากะเปี๊ยวของตนเองเสียบเข้าไปในรูของเครื่องนี้ที่มีการผสมสารหล่อลื่นเอาไว้ เพื่อให้ได้สัมผัสคล้ายกับ “ของจริง” ในขั้นตอนการดูดสเปิร์มนั้น เจ้าช่องเสียบก็จะมีการขยับยุกยิกไปข้างหน้าและหลัง นวดกุเปี๊ยวของคุณเพื่อกระตุ้นให้น้องหนอนอ้วกออกมาในที่สุด   https://twitter.com/AngryManTV/status/1114259441384398853   โดยเจ้าเครื่องนี้นั้นจะมีติดตั้งไว้ตามโรงพยาบาล ซึ่งราคาเครื่องละราวๆ  5,000 ยูโร (ประมาณ 180,000 บาท) ซึ่งก็ขายออกราว 10,000 เครื่องต่อปีเลยทีเดียว และว่ากันว่าเจ้าเครื่องนี้ก็ถูกสั่งซื้อนำเข้าไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมัน รัสเซีย และฝรั่งเศสแล้วด้วย โดยทางชาวเน็ตที่ได้เห็นภาพดังกล่าวก็ได้แต่แสดงความเห็นใจว่า “สงสารใครก็ตามที่มีหน้าที่ทำความสะอาดเจ้าเครื่องนี้หลังใช้งานอ่ะ…” อ้อ…มันมีขายใน เว็บอาลีบาบา ด้วยนะ…

คนที่รักจะต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะล่าสุด เมืองเฉิงตู ที่ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ได้นำลวดลายของ “หมีแพนด้า” ซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นหน้าตาของเมือง มาผสมเข้ากับ “รถไฟลอยฟ้า” ที่สร้างมาเพื่อแก้ปัญหารถติดในเมือง     เฉิงตูนั้นมีหมีแพนด้าเป็นไอคอนของเมือง เพราะศูนย์อนุรักษ์และขยายพันธุ์หมีแพนด้าอันโด่งดังนั้นตั้งอยู่ที่เมืองแห่งนี้นั่นเอง จึงทำให้เมืองเลือกที่จะใช้หมีแพนด้ามาเป็นลวดลายของรถไฟที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ รถไฟนี้ถูกตั้งชื่อว่า “แพนด้าบิน” ฟังก์ชันหลักๆ ของมันคือ สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 500 คน, ใช้ระบบวิ่งอัตโนมัติไม่ต้องการคนขับ และสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   .   การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและระบบภายในนั้น ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย Southwest Jiaotong ที่เป็นมหาลัยท้องถิ่นของเมือง โดยแนวคิดที่ริเริ่มโครงการนี้เนื่องจากต้องการบรรเทาการจราจรในเขตเมือง ด้วยรถไฟความเร็วสูงที่มีขนาดปานกลางและใช้ต้นทุนในการสร้างต่ำ รถไฟลอยฟ้านี้มีต้นทุนแค่เศษเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับการสร้างรถไฟใต้ดิน อีกทั้งมันยังใช้พื้นที่ภาคพื้นดินน้อยมาก เพราะเมืองไม่ต้องการให้มันส่งผลกระทบกับการจราจรข้างล่าง     รถไฟแพนด้าบินนี้จะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการภายใน 1 ปีข้างหน้า โดยจะเน้นให้การบริการกับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก   ที่มา: asiatimes, ecns

การแหกคุกนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก ด้วยมาตรการที่รัดกุมหลายๆ อย่างของเรือนจำทุกๆ ที่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว เพราะการแหกคุกนั้นเคยเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ในซีรีส์ Prison Break หรือในหนังอีกหลายๆ เรื่อง (แม้มันจะเกิดขึ้นไม่บ่อยก็ตาม) และทางรัฐบาลของประเทศจีนก็ตระหนักได้ว่ากันไว้ดีกว่าแก้ พวกเขาจึงทำการติดตั้ง “AI ตรวจจับการเคลื่อนไหวนักโทษ” เพื่อลดโอกาสที่นักโทษจะสามารถหลบหนีได้   ภาพจากเรือนจำ Yancheng คุกที่ถูกเรียกว่า ‘คุกไฮโซ’   กระทรวงยุติธรรมจะนำระบบดังกล่าวไปติดตั้งที่เรือนจำ Yancheng ที่ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ซึ่งคุกแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น “คุกไฮโซ” เนื่องจากมีผู้ต้องขังส่วนมากเป็นอดีตนักการเมืองที่โดนจับได้ว่าคอร์รัปชัน และเนื่องด้วยการที่นักโทษมีอิทธิพลนั้น ทำให้อาจเกิดการสมคบคิดกันกับบุคคลภายนอกเพื่อแหกคุก เพราะอย่างนั้นเองทางภาครัฐจึงได้ติดตั้งระบบ “เรือนจำอัจฉริยะ” ในคุกแห่งนี้ จากการรายงานของสำนักข่าว South China Morning Post ในวันที่ 1 เมษายน 2019   ห้องนอนนักโทษภายในเรือนจำ   ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าระบบนี้จะปิดโอกาสให้นักโทษหลบหนีออกไปได้ ถึงแม้จะมีการติดสินบนผู้คุมเรือนจำขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดระบบนี้ให้แจ้งเตือนได้ ระบบเรือนจำอัจฉริยะนี้จะทำงานร่วมกับกล้องที่ติดตั้งไว้ทั่วเรือนจำ และในกล้องดังกล่าวนั้นยังมีเซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับได้ถึงเส้นใยประสาทของมนุษย์! อีกทั้งมันยังสามารถระบุใบหน้าและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของนักโทษได้อีกด้วย   โซนการศึกษาในเรือนจำ…

หลังจากที่กลายเป็นเรื่องที่หลายๆ คนจับตามอง กับกรณีของ ‘ยาคุมกำเนิดสำหรับเพศชาย’ ที่คาดว่าจะกลายเป็นทางเลือกใหม่ในการคุมกำเนิดในอนาคต โดยเมื่อราวๆ 2 ปีก่อนมีข่าวรายงานว่าตอนนี้เจ้ายาคุมกำเนิดที่ว่านั้นกำลังอยู่ในช่วงทดลองด้านความปลอดภัยที่จะนำมาใช้กับมนุษย์อยู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศก็ได้ออกมาแจ้งข่าวดีแล้วว่า ‘ยาดังกล่าวผ่านการทดสอบความปลอดภัยกับมนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว’     ผลการศึกษาถูกนำมาเปิดเผยในงาน ประชุมประจำปีขององค์กร Endocrine Society ที่จัดขึ้นในรัฐนิวออร์ลีนส์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ระบุเอาไว้ว่า การทดลองยาคุมกำเนิดสำหรับเพศชาย ที่ชื่อว่า 11-beta-MNTDC ที่ส่งผลต่อฮอร์โมนเพศชายนั้นเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งการทดลองดังกล่าวนำโดยศาสตราจารย์ Stephanie Page จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Washington ร่วมมือกับศาสตราจารย์ Christina Wang จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย UCLA ในลอสแองเจลิส     โดยการทดลองกับเพศชาย 40 คนที่มีร่างกายแข็งแรง ผลปรากฎว่ามีผู้เข้าร่วมการทดลองบางคนได้รับผลข้างเคียงอย่างเช่น เหนื่อยอ่อน ปวดหัว และ เป็นสิว 4-6 ราย…

สำหรับนักประกอบคอมทั้งหลายแล้ว จะรู้กันดีว่า ณ ตอนนี้ในตลาดของ GPU (Graphics Processing Unit) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า ‘การ์ดจอ’ สองแบรนด์ที่ครองความเป็นใหญ่อยู่ ณ ตอนนี้ ก็คือ NVIDIA และ AMD     แต่ล่าสุดเรากำลังจะมีทางเลือกใหม่เข้ามาเพิ่ม เมื่อ Intel กำลังวางแผนที่จะผันตัวเข้ามาสู้ในตลาด GPU ด้วยเช่นกัน อย่างที่รู้กันดีว่า Intel นั้นเองก็ครองความเป็นใหญ่ในตลาดของ CPU มาอย่างยาวนาน ก่อนที่จะโดน AMD ตีตื้นขึ้นมาในช่วงหลังๆ มานี้     จากรายงานของเว็บไซต์ TechRadar ระบุเอาไว้ว่า ในงาน GDC 2019 (Game Developers Conference) ที่จัดขึ้นในซาน ฟรานซิสโก มีการประกาศข่าวดีจากทาง Intel ว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะเข้าสู่ตลาด GPU บ้างแล้ว ซึ่งนาย Christiano…

นับวันเทคโนโลยีก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปทุกวัน ล่าสุดนักวิทย์จีนก็สามารถคิดค้นการ ‘เปลี่ยนของเสียจากพืชให้กลายเป็นน้ำมันเข้มข้นเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องบินได้แล้ว’!! เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมาสำนักข่าว China Xinhua News ของประเทศจีนรายงานว่าตอนนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ของประเทศจีน ได้ออกแบบกระบวนการที่สามารถเปลี่ยนขยะที่เป็นพืชผลจากการเกษตร และท่อนไม้ ให้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเจ็ทได้สำเร็จ นอกจากนี้เชื้อเพลิงดังกล่าวยังอาจจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเครื่องบินและจรวดได้อีกด้วย     ผลการศึกษาในครั้งนี้ถูกตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2019 ที่ผ่านมาใน ในวารสาร Joule ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมติฐานว่า ‘พอลิเมอร์’ ในผนังเซลล์ของพืชที่มีราคาถูก ที่มีอยู่มากมายและนำมาใช้หมุนเวียนได้  สามารถนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงของอากาศยานที่มีความเข้มข้นสูงได้ นาย Li Ning นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันฟิสิกส์เคมีต้าเหลียน ที่อยู่ภายใต้สภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติของประเทศจีน หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวถึงผลการศึกษาว่า “เชื้อเพลิงชีวภาพของเรามีความสำคัญในแง่ของการ ‘ลดปริมาณ’ การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เพราะว่าพลังงานดังกล่าวนั้นเป็นพลังงานชีวมวล และมีความหนาแน่นสูงกว่าเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วไป”     นอกจากนี้ผลการศึกษายังระบุอีกว่า การใช้เชื้อเพลิงอากาศยานที่มีความเข้มข้นสูง จะช่วยเพิ่มขีดจำกัดต่างๆ ของอากาศยานอย่างการเพิ่มช่วงน้ำหนักในการบรรทุก ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนปริมาณน้ำมันในถังเชื้อเพลิงเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ Li ยังเปิดเผยอีกว่าเขาและทีมงานได้นำเซลลูโลสของต้นข้าวสาลีมาใช้ในการทดลองในการผลิตสารผสมระหว่างคาร์บอน-12 และคาร์บอน-18 ที่มีจุดเยือกแข็งต่ำและมีความหนาแน่นสูงกว่าเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ททั่วไปประมาณ 10…

นวัตกรรมทุกวันนี้มีการพัฒนาที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก เวลาผ่านพ้นไปโดยที่ยังไม่รู้สึกว่านานเสียเท่าไหร่ เทคโนโลยีใหม่ก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อนำไปต่อยอดทางอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของนวัตกรรม AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถนึกคิดและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้เอง แม้ของจริงอาจจะยังไม่เหมือนในภาพยนตร์มากนัก แต่ก็มีความใกล้เคียงมาอีกนิดแล้วล่ะ     ล่าสุดภายในงาน NVIDIA GTC 2019 ที่ผ่านมา ทางบริษัท Nvidia ผู้ผลิตเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และหน่วยประมวลผลกราฟฟิค ได้โชว์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถเปลี่ยนภาพวาดง่ายๆ ให้กลายเป็นภาพเสมือนจริงได้เพียงแค่ไม่กี่คลิ๊ก     ซอฟต์แวร์ตัวดังกล่าวที่กำลังพูดถึงอยู่ก็คือ GauGAN ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผลการประมวลภาพที่มนุษย์วาดออกมา และนำภาพสเก็ตช์เหล่านั้นเปลี่ยนให้เป็นภาพเสมือนจริงภายในเสี้ยววินาที ผ่านระบบโครงข่ายประสาทเทียมของคอมพิวเตอร์ (Neural Network) ซึ่งตัวซอฟต์แวร์ที่นำมาใช้สาธิตในงานยังเป็นเพียงตัวทดสอบเท่านั้น แต่ทว่าความสามารถของมันไม่ได้โม้เกินจริงแต่อย่างใด     GauGAN จะมีชุดเครื่องมือเพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้น ประกอบไปด้วย ถังสี ปากกา และดินสอ และปุ่มด้านล่างจะเป็นการกำหนดรูปแบบของวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ภูเขา ดอกไม้ หิน ดิน ทราย และอื่นๆ อีกมากมาย…

ดูเหมือนว่าตลาดเกมจะคึกคักขึ้นมากทุกที เมื่อทาง Google เองก็กระโดดเข้ามาร่วมวงในวงการเกมกับเขาด้วย โดยทาง Google ได้เผยว่ากำลังพัฒนาบริการสตรีมเกมตัวใหม่ในชื่อ Stadia และมันก็ใกล้เสร็จเข้าไปทุกที!! Stadia นั้นช่วยให้คุณสามารถเล่นและสตรีมเกมความละเอียดสูงผ่านหน้าจออะไรก็ตามที่คุณมีอยู่ในบ้านทั้งเบราว์เซอร์ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป โทรทัศน์ และโทรศัพท์มือถือที่รองรับการแสดงผล     ซึ่งในระหว่างเล่นเกมเกมหนึ่ง คุณสามารถเปลี่ยนเครื่องเล่นจากเครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่งได้ทันทีโดยไม่ต้องเริ่มหรือโหลดเกมใหม่เลย Phil Harrison อดีตผู้บริหาร Sony และ Microsoft กล่าวว่า Stadia นั้นจะยกระดับการเข้าถึงเกมให้กับคุณ ยกตัวอย่างเช่นหากคุณดูคลิปตัวอย่างเกม Assassin’s Creed Odyssey บนยูทูบ คุณสามารถกดปุ่ม “Play Now” เพื่อเข้าเกมที่คุณมีอยู่ในเครื่องได้ทันที   คลิปแสดงการทำงานของ Stadia .   ตัว Stadia เองนั้นก็จะมีจอยควบคุมของตัวเองออกวางขายด้วย แต่ถ้าหากว่าคุณมีจอยของแพลตฟอร์มอื่นๆ ในครอบครองอยู่แล้ว และไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่ คุณสามารถใช้จอยของ Xbox หรือ PS4 รวมทั้งเม้าส์และคีย์บอร์ดในการเล่นได้ แต่ในตัวจอยของ Stadia เองนั้นจะมีปุ่มเฉพาะที่เอาไว้เชื่อมต่อกับ…

จีนเป็นประเทศที่มักนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อำนวยความสะดวกในสังคม ก่อนหน้านี้จีนได้ประกาศตนเป็นสังคมไร้เงินสดโดยใช้สมาร์ทโฟนสแกนจ่ายเงินแทนธนบัตร สร้างความสะดวกให้ผู้บริโภคสุดๆ แต่ครั้งนี้พวกเขาล้ำขึ้นไปอีกระดับ เพราะจีนกำลังจะนำระบบจ่ายเงินด้วยการสแกนใบหน้ามาใช้แทนการใช้มือถือจ่าย! ผู้ประกอบการของบริษัทรถไฟฟ้าใต้ดิน ณ เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง กำลังทดสอบระบบซื้อตั๋วด้วยการใช้ใบหน้าขึ้นที่สถานี Futian เพราะมองเห็นว่าจะช่วยกว้างความสะดวกให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก     จากเดิมที่ต้องนำโทรศัพท์ออกมาสแกน QR Code ปัจจุบันผู้โดยสารสามารถยืนอยู่ข้างหน้าหน้าจอที่มีขนาดประมาณแท็บเล็ต ที่จะตั้งอยู่ใกล้กับทางประตูทางเข้า และทำการสแกนหน้า จากนั้นค่าตั๋วก็จะถูกหักออกไปจากบัญชีธนาคารที่ผู้โดยสารเชื่อมเอาไว้โดยอัตโนมัติ! นอกจากระบบสแกนใบหน้าแล้ว สถานีดังกล่าวยังติดตั้งระบบ 5G ไว้เพื่อรองรับผู้โดยสารกว่า 5 ล้านคนต่อวันอีกด้วย     ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ระบบสแกนหน้าได้ถูกนำมาใช้ในการจ่ายเงิน ก่อนหน้านี้ KFC สาขาหนึ่งในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ก็ใช้ระบบคล้ายกัน โดยผู้ซื้อสามารถจ่ายเงินได้ด้วยการยิ้มให้กับเครื่องสแกน “การใช้ระบบสแกนหน้าซื้อตั๋วในอนาคต ผู้โดยสารจะต้องทำการลงทะเบียนข้อมูลใบหน้าของพวกเขาไว้ก่อน” “และเชื่อมเข้ากับระบบจ่ายเงินในบัญชีของพวกเขา เหมือนกับวิธีจ่ายเงินที่ KFC เลยครับ” เจ้าหน้าที่สถานีได้ให้สัมภาษณ์   ที่มา: South China Morning Post, nextshark

หลังจากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เกิดกระแส “Pokemon Go” ฟีเวอร์ ผู้คนต่างก้มหน้า จับสมาร์ทโฟน ตั้งใจหาโปเกม่อนกันอย่างสนุกสนานและยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน     จนในที่สุด Ninantic Inc. ผู้พัฒนาเกม Pokemon Go และ Warner Bros. เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ Harry Potter ก็ได้ฤกษ์ปล่อยตัวอย่างเกม Harry Potter: Wizards Unite ออกสู่สายตาชาวมักเกิลสักที หลังจากที่ได้ประกาศพัฒนาเกมอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา   ภาพโปรโมทจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ   ในเกมดังกล่าว ผู้เล่นทุกคนจะสามารถเข้าร่วมผจญภัย ไปสัมผัสกับความจริงในโลกเวทมนตร์ สวมบทบาทเป็นพ่อมดและแม่มดจากโลกนวนิยาย Harry Potter ไม่เพียงเท่านั้น ตัวละครในเกมยังสามารถร่ายคาถา และเข้ารวมทำภารกิจต่างๆ เพื่อปกป้องโลกของเหล่ามักเกิลจากเหล่าสัตว์วิเศษและพ่อมดแม่มดฝ่ายอธรรม     โดยเรื่องราวในเกมคือที่ Wizards Unite ซึ่งผู้เล่นนั้นจะเป็นสมาชิกของ Statute of Secrecy Task Force คือกลุ่มที่ทำงานเพื่อปกป้องกฎกระทรวงเวทมนตร์ ที่พ่อมดและแม่มดไม่สามารถเปิดเผยให้มักเกิลรับรู้ได้ว่าโลกแห่งเวทมนตร์นั้นมีอยู่จริง     และเพื่อหยุดหายนะจากพลัง “Calamity” ในโลกมักเกิล…

เมื่อก่อนโดรน (Drone) หรืออากาศยานไร้คนขับ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทางการทหารเพื่อทำการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในป่าลึก แต่ในปัจจุบันได้มีการใช้โดรนในการสำรวจ ถ่ายภาพจากมุมสูง หรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย บริษัทในมาเลเซียจึงเกิดไอเดียที่จะนำโดรนมาใช้ในการขนส่งพัสดุและเอกสาร ที่มีความรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น     Gobind Singh Deo รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาเลเซียแถลงว่า “มาเลเซียจะไม่ยอมเป็นประเทศที่ล้าหลัง ตามที่นายกรัฐมนตรี Tun Dr Mahathir Mohamad ได้กล่าวเอาไว้ว่า ประเทศของเราจะต้องนำเทคโนโลยีใหม่ อย่างโดรนหรือ ระบบ AI มาใช้”     นอกจากนั้นท่านรัฐมนตรียังได้ยกตัวอย่างว่า โดรนจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งยารักษาโรคและ วัสดุอุปกรณ์บางการแพทย์บางอย่างไปยังพื้นที่ห่างไกล โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนกับ Pos Malaysia และ MCMC ปรับปรุงบริการขนส่งภายในประเทศ และพัฒนาระบบความปลอดภัยในการให้บริการ คาดว่าจะใช้งานได้ในอีก 5 ข้างหน้า   ในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับระบบขนส่งที่พัฒนาแบบไม่หยุดยั้ง คงต้องรอลุ้นกัน   ที่มา: worldofbuzz

ญี่ปุ่นเป็นชาติที่โด่งดังในด้านอุตสาหกรรมอิเล็กโทรนิก และล้ำหน้าในด้านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ แต่บางครั้ง ก็มักจะคิดค้นอะไรแปลกๆ ออกมา เช่นเดียวกับครั้งนี้ เมื่อวัด Kodaiji วัดพุทธนิกายเซนสำนักรินไซ อันเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 1619 ต้องการที่จะเผยหลักคำสอนของศาสนาพุทธให้กับคนรุ่นใหม่อายุน้อย   .   ทางวัดจึงได้ติดต่อไปหา Hiroshi Ishiguro ศาสตราจารย์ทางด้านหุ่นยนตร์อัจฉริยะ จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า เพื่อสร้างหุ่นยนตร์เผยแผ่คำสอนที่ชื่อว่า “Mindar” ขึ้นมา Mindar มีมูลค่าในการส้รางถึง 100 ล้านเยน (ประมาณ 28 ล้านบาท) ส่วนหัว คอ ไหล่ และมือ ถูกครอบด้วยวัสดุที่สร้างจากซิลิโคนให้เหมือนกับผิวหนังของมนุษย์ ส่วนสูงของหุ่นอยู่ที่ 195 ซม. ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 59 กก.   .   Kohei Ogawa รองศาสตราจารย์ทางด้านหุ่นยนตร์อัจฉริยะที่ ม.โอซาก้า ผู้ร่วมสร้าง Mindar ขึ้นมา…

ถึงแม้ว่า ‘การแปรงฟัน’ เป็นกิจกรรมที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันทั้งเช้าและเย็น หลายๆ คนก็หลงลืมที่จะให้ความสำคัญกับมัน จนกลายเป็นปัญหาสุขภาพปาก ที่ต้องจ่ายค่ารักษาแพงหูฉี่ บริษัท Oral B จึงเปิดตัว ‘GENIUS X’ แปรงสีฟันที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างระบบ Artificial Intelligence (AI) มาช่วยดูแลสุขภาพปากของคุณ ทำให้การแปรงฟันสนุกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น     แปรงสีฟัน GENIUS X ได้ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในงาน Mobile World Congress ที่จัดขึ้นในเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นการก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้นของการแปรงฟันที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อแสดงข้อมูลและประเมินสุขภาพในช่องปากของผู้ใช้งาน     แปรงสีฟันดังกล่าวเป็นผลมาจากการเก็บข้อมูลที่ศึกษาจากพฤติกรรมการแปรงฟันของคนก่อนหน้านี้ การเก็บข้อมูลที่ว่านั้น ทาง Oral B ได้พัฒนาแปรงสีฟันที่ใช้ระบบเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของมือ ทำงานคู่กับกล้องหน้าของสมาร์ทโฟนที่เปิดใช้ระหว่างแปรงฟัน เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการแปรงฟันของเรา อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานจะต้องปรับองศากล้องให้ตรงกับช่องปาก ซึ่งอาจทำให้เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนในระดับหนึ่ง บริษัทจึงได้ปรับปรุงแปรงสีฟันที่ใช้สัญญาณบลูทูธ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเชื่อมต่อให้ดีขึ้น     สำหรับหน้าที่ของระบบอัจฉริยะนั้นก็จะช่วยวัดน้ำหนักมือ ระยะเวลาในการแปรงฟัน และให้คะแนนการแปรงฟันในแต่ละวัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดูแลสุขภาพช่องปากให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ Oral B…

หลายๆ ประเทศและบางพื้นที่ในประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาค่าฝุ่นควันที่สูงมากจนมีผลต่อสุขภาพ ทำให้หลายคนต่างก็พากันหาหน้ากากกันฝุ่นมาใส่เพื่อป้องกันผลร้ายที่จะตามมาในภายหลัง ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 62 มีรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนได้พัฒนามุ้งลวดอัจฉริยะที่สามารถดักจับควันฝุ่น และลดความแข้มข้นของอนุภาคขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ลง ซึ่งมุ้งลวดที่กางออกมาจะปลอดภัยจากฝุ่นภายในหนึ่งนาที     มุ้งลวดดังกล่าวทำจากวัสดุใหม่ชื่อว่า “นาโนไนลอน” ที่ถูกพัฒนาจากทีมวิจัยนำโดยนาย อี้ว์ ซูหง อาจารย์จาก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศจีน (USTC) เมืองเหอเฝย มณฑลอันฮุย ทางจีนตอนกลาง การวิจัยได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร iScience ว่า “มุ้งลวดนาโนไนลอน” สามารถดักจับ PM2.5 ได้สูงถึง 99.65% และสามารถลดความเข้มข้นจาก 248 เป็น 32.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรใน 50 วินาที     นอกจากนี้มุ้งลวดยังถูกเคลือบด้วยสารเทอร์โมโครมิก (thermochromic) ที่สามารถทำหน้าที่เป็นฟิล์มกรองแสง ช่วยลดความสว่างที่ส่องเข้ามาภายในมุ้งลวดได้อีกด้วย ก่อนหน้านี้เคยมีมุ้งกรองฝุ่นควันมาแล้ว แต่มุ้งลวดนาโนไนลอนรุ่นใหม่นี้มีราคาถูกกว่า สามารถใช้งานซ้ำได้ ต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าเพียงแค่ 100 หยวน (ประมาณ 500 บาท) รวมถึงยังสามารถผลิตจำนวนมากได้ง่ายกว่า โดยใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาที…

ทุกวันนี้ เทคโนโลยีกำลังพัฒนาไปรวดเร็ว และก็มีสิ่งประดิษฐ์เกิดใหม่ขึ้นมาที่ทำให้เราต้องทึ่งอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ เทคโนโลยีตัวนี้ที่สามารถจำลองหน้าตามนุษย์ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้ขึ้นมาได้อย่างเนียนกริบ!   บุคคลเหล่านี้ไม่มีอยู่จริงหรือเนี่ย! .   Phillip Wang วิศวกรซอฟต์แวร์ของบริษัท Uber ได้ออกมาโพสต์ผ่านทางกลุ่ม Artificial Intelligence & Deep Learning ในเฟสบุ๊กว่า เขาได้สร้างเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า thispersondoesnotexist (บุคคลที่ไม่มีอยู่จริง) เมื่อคุณรีเฟรชเว็บไซต์ในแต่ละครั้งจะมีภาพบุคคลขึ้นมา โดยบุคคลในภาพนั้นไม่มีอยู่จริงแต่เกิดขึ้นจากการประมวลผลโดย A.I. ทั้งหมด     นาย Wang เผยว่าเขานำเทคโนโลยีที่ชื่อว่า StyleGAN ที่ถูกพัฒนาโดยกลุ่มนักวิจัยของบริษัท NVIDIA มาต่อยอดสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อต้องการให้ผู้คนรู้จักเทคโนโลยีชิ้นนี้ให้มากขึ้น การทำงานคร่าวๆ ของเจ้า StyleGAN คือมันจะค่อยๆ นำรูปภาพตัวอย่างของจริงมาบีบความละเอียด พร้อมกับใส่รายละเอียดอย่างอื่นเข้าไปด้วยการสุ่ม และมันก็จะออกมาเป็นหน้าคนสุดสมจริง   .   นาย Wang ยังบอกอีกว่านอกจากหน้าคนแล้วมันยังสามารถสร้างภาพ แมว, รถ และห้องนอนที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมาได้เช่นกัน นั่นก็ทำให้มีเสียงเรียกร้องขอให้เปิดเว็บแมวที่ไม่มีอยู่จริงด้วยสิ! ซึ่งนาย Wang ก็รู้ใจชาวเหมียวโดยการเปิดเว็บขึ้นมาจริงๆ ตามลิงก์นี้…

ช่วงเมื่อวานที่ผ่านมาว่าพบรายงานว่า บัญชีผู้ใช้ของแอปพลิเคชัน ‘อินสตาแกรม’ (Instagram) ของหลายๆ คนเกิดปัญหาบางประการ ทำให้จำนวนผู้ติดตาม (Follower) ลดลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเหล่าคนดังที่มีผู้ติดตามลดลงเป็นหลักล้าน อย่างนักร้องสาวชื่อดัง Ariana Grande ที่จากเดิมมีผู้ติดตาม 148 ล้านคน ตอนนี้เหลือผู้ติดตามเพียง 145 ล้านคน หายไปถึง 3 ล้านคน เช่นเดียวกับสาว Selena Gomez ที่สูญเสียผู้ติดตามไปจำนวนมากเช่นกัน   https://www.instagram.com/p/Btww7f5FVcb/?utm_source=ig_embed   ซึ่งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ทางอินสตาแกรมได้ออกมาแจ้งทางทวิตเตอร์ว่า ได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและแก้ไขโดยเร็วที่สุด   We’re aware of an issue that is causing a change in account follower numbers for some people right now. We’re working…

เมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว มีนวนิยายเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า ‘Reason’ แต่งโดย Isaac Asimov เป็นเรื่องราวเกี่ยวโลกในอนาคต ที่มนุษย์ต้องพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์จากดาวเทียมบนอวกาศ และส่องลงมายังโลก โดยเรื่องราวนี้อาจจะไม่เป็นเพียงแค่นิยายวิทยาศาตร์เท่านั้น เมื่อเทคโนโลยีในอนาคตข้างหน้า อาจสร้างพลังงานแสดงอาทิตย์ใช้ได้เองก็เป็นได้…   ภาพจำลองจากนาซ่า   ในปัจจุบันได้มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์กันอย่างมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีการใช้พลังงานด้านนี้มาเป็นอันดับหนึ่งในปัจจุบัน ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีพลังงานสะอาดนี้ มีการวิเคราะห์อีกว่าในอนาคตดวงอาทิตย์จะดับภายใน ‘หมื่นล้านปี’ ข้างหน้า จึงเป็นที่มาของความพยายามในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นมาเอง โดยทางนาซ่าได้ใช้เวลาหลายปีในการวิเคราะห์การหาทางสร้างเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้เกิดโปรเจกต์ทั้ง ‘โปรเจกต์สร้างแหล่งพลังงานจากดาวเทียม’ และ ‘การค้นหาแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีแสงอาทิตย์’     แต่ทั้งสองโปรเจต์นั้นทำให้นักวิทยาศาสตร์ เห็นถึงปัญหาหลายอย่าง “การสร้างเครื่องให้พลังงานอาทิตย์ขนาดใหญ่ เป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก ต้องใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าตอนนี้หลายเท่า แต่อย่างไรก็ตามได้มีการวางแผนการไว้บ้างแล้ว แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึงหลายสิบปี…” กล่าวโดย John C. Mankins อดีตนักฟิสิกส์จากนาซ่า และแผนการ ‘การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตเองจากสถานีอวกาศ’ ของนักวิทยาศาสตร์ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?     อย่างแรก สถานที่ คือปัจจัยสำคัญ เพราะนักวิทยาศาสตร์ต่างต้องใช้เวลาในการคำนวณทิศทาง และระยะทางในการขนส่งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่นี้ในอวกาศ รวมไปถึงการเคลื่อนที่ระหว่างการสร้างบนพื้นโลก อย่างที่ 2 คือ การออกแบบโครงสร้าง…

สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมความเจ๋งของบริษัท ‘ผลิตของเล่นญี่ปุ่น’ ที่โคตรเฟี้ยว ที่สมกับเป็นบริษัทของเล่นจากญี่ปุ่นแบบจริงๆ!! ว่าแล้วก็ตามมากันเลยครับ ตอนนี้เราอยู่ที่ศูนย์ใหญ่ของบริษัท Bandai Spirits เป็นบริษัทผลิตของเล่นจากอนิเมะ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ แต่บริษัททำเกี่ยวกับอนิเมะรายใหญ่ซะขนาดนี้ จะทำให้ออฟฟิศมันดูธรรมดาๆ ก็คงเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าทีเดียว ก็เลยต้องทำอะไรที่มันดูเจ๋งแบบชนิดที่คนภายนอกเห็นต้องร้อง ‘ว้าวววว’ กันเลยทีเดียว!! เพราะนี่แค่ ‘ประตูทางเข้า’ ก็เจ๋งแบบสุดๆ แล้ว   แต่ดูเผินๆ ก็อาจจะไม่มีอะไร   พอพนักงานเอาบัตรคีย์การ์ดไปนาบเท่านั้นแหละ!!   ผ่ามมมมมม!!   ลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยครับ 昨日盛り上がったのを見ていた寺野さんが星矢の火時計の現物を見せてくれるというので、三田に引っ越した#BANDAI SPIRITSさんの新本社へ。入館ゲートが楽しいので何度も通過したくなること請け合い。#聖闘士星矢 pic.twitter.com/5GsMYHhCSw — TENJIN天神英貴 (@TENJIN_hidetaka) January 25, 2019   คลิปวิดีโอนี้ถูกโพสต์ลงโซเชียลโดยนักออกแบบเครื่องจักรกล และอิลัสเตรเตอร์ของบริษัท Bandai Spirits ที่มีชื่อว่า Hidetaka Tenhin แค่ประตูทางเข้าก็ยังเฉียบขนาดนี้แล้ว ทั้งแสงสีเสียงทุกอย่าง ทำให้เรารู้สึกว่า ‘อยากไปทำงานที่นั่น’ จังเลย…

เชื่อว่าในปัจจุบันเพื่อนๆ คงจะเคยเห็นอุปกรณ์ชาร์จไฟด้วยระบบไร้สายกันมาบ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี เพราะจากที่เราจะต้องนั่งรอมือถือชาร์จไฟอยู่ใกล้ๆ ปลั๊กในปัจจุบันเราสามารถชาร์จมือถือจากแผ่นชาร์จที่อยู่ห่างออกไปได้กว่า 5 เมตรเลย ว่าแต่จะเกิดอะไรขึ้นหาก #เหมียวศรัทธา บอกว่าอีกหน่อยเราจะสามารถไปเดินเล่นในห้างได้ โดยที่มือถือในกระเป๋าชาร์จไฟไปด้วยโดยอัตโนมัติล่ะ?     นั่นเพราะว่าเมื่อล่าสุดนี้เองสื่อต่างประเทศได้มีรายงานการทดลองพัฒนาระบบ “Two-dimensional MoS2” รูปแบบใหม่ที่ชาร์จเครื่องใช้ไฟฟ้าได้จากสัญญาณไวไฟนั่นเอง เจ้าระบบที่ว่านี้ถูกเรียกกันว่า Rectenna ซึ่งมีระบบการทำงานที่สามารถสรุปง่ายๆ ว่ามันจะดูดเอาคลื่นสัญญาณ wi-fi มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จเข้าไปยังแบตเตอรี่หรือนำไปใช้งานได้โดยตรงต่อไป     โดยจากในการทดลองนักวิทยาศาสตร์พบว่าสัญญาณไวไฟทั่วไปจะสามารถแปรงมาเป็นไฟฟ้าได้ราวๆ 40 ไมโครวัตต์ ซึ่งแม้จะแลดูไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นจากการทดลองที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันเมื่อปี 2017 อยู่พอสมควร และที่สำคัญมันมากพอที่จะทำให้ LED และชิปซิลิคอนทำงานได้     เท่านั้นยังไม่พอเพราะระบบที่ว่านี้ยังสามารถใช้งานได้กับเคลื่อนวิทยุบางชนิดด้วย ซึ่งทำให้ระยะการรับพลังงานไฟฟ้าของมันยิ่งมีความกว้างมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และอาจจะเปิดทางให้กับเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกเป็นจำนวนมากเลยด้วย ศาสตราจารย์ Tomás Palacios จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์หรือ “MIT” บอกว่าหากเราสามารถพัฒนาให้ระบบดังกล่าวทำงานได้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน และสามารถฝังอยู่ในกำแพงหรือตามถนนได้ เราจะสามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้จากทั่วทุกที่โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปลั๊กไฟอีกต่อไป       และที่สำคัญคือของระบบนี้นั้น ยังสามารถปรับแต่ให้มีประสิทธิภาพการผลิตกำลังไฟที่มากขึ้นไปอีก แถมหากโชคดีนักวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าพวกเขาอาจจะปรับแต่งให้มันทำงานกับบลูทูธ สัญญาณวิทยุทุกประเภท หรือแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์เลยก็เป็นได้…

ใครเล่าจะคิดว่าเกมแนว ‘ทำสวนทำฟาร์ม’ จะกลายมาเป็นเกมที่ใช้ในการแข่งขัน E-Sport และมีเงินรางวัลหมุนเวียนในการแข่งขันนี้รวมกว่า 250,000 ยูโร (8 ล้านบาท)!? เกมที่ว่านั้นก็คือ Farming Simulator เป็นเกมจำลองการทำฟาร์มแบบเสมือนจริง ชนิดที่ว่าสมจริงแบบสุดๆ  ทั้งการขับรถแทร็กเตอร์ การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ จัดการทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจฟาร์มให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด     ซึ่งตอนนี้ทางด้านบริษัท Giants Software ผู้พัฒนาเกม ก็กำลังจะนำเกม Farming Simulator เข้ามาแข่งขันแบบ E-Sport และขอบอกเลยว่าไม่ได้มาเล่นๆ เพราะตอนนี้ พวกเขาวางแผนที่จะจัดทัวร์นาเมนต์มากกว่า 10 รายการทั่วยุโรป แถมยังจะมีการแข่งขันแบบสดๆ ที่งาน Gamescom ในเยอรมนี และ Paris Game Week ที่ฝรั่งเศสอีกด้วย รวมไปถึงทัวร์นาเมนต์ที่จัดขึ้นทางออนไลน์ เพื่อคัดเลือกหาผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด มาแข่งกันที่งาน FarmCon ในช่วงฤดูร้อนปี 2020 พร้อมตั้งเงินรางวัลไว้สูงถึง 100,000 ยูโร (3.6 ล้านบาท) เลยทีเดียว!!…

บ่อยครั้งที่ได้ยินว่า “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ“ ซึ่งเป็นความจริงที่ใครๆ ต่างอยากมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย เพราะแต่ละครั้งที่ไม่สบายมันช่างทรมานเสียเหลือเกิน ไหนจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาไปหาหมอนานๆ แถมบางทีต้องลางานอยู่หลายวัน อย่างไรก็ตาม ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ให้ความสะดวกสบายกว่าแต่ก่อน ยกตัวอย่างเช่น ตู้คลินิกที่ให้คำปรึกษาและจ่ายยาภายใน 1 นาที     Ping An Good Doctor ผู้พัฒนาระบบดูแลสุขภาพได้เปิดตัวตู้คลินิก 1 นาที ที่ให้บริการแล้วทั่วทั้ง 8 มณฑลในประเทศจีน โดยเริ่มจากอู่เจิ้นเมืองท่องเที่ยวใกล้กับเซี่ยงไฮ้ และจะให้บริการอีกกว่า 1000 ตู้ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดกว่าจะมีผู้ใช้งานถึง 3 ล้านคน     ตู้คลินิกดังกล่าวสามารถให้คำปรึกษาและตอบคำถามเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยด้วยโรคทั่วไปถึง 2,000 โรค โดยใช้มาตรฐานสากล และในทุกๆ ตู้จะมียากว่าร้อยชนิดให้บริการ แต่หากไม่พบยาที่ต้องการ ผู้ป่วยสามารถสั่งจากแอปพลิเคชันของ Ping An Good Doctor เพื่อรับยาที่คลินิกใกล้บ้านภายใน 1 ชั่วโมง เมื่อผู้ป่วยใช้บริการตู้คลินิกจะได้รับคำปรึกษาเสมือนกับการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยจะมีการเก็บประวัติของคนไข้เพื่อใช้ในการรักษา…

หน่วยงานด้านความมั่นคงของโปแลนด์ แถลงข่าวการจับกุมพนักงานระดับสูงของบริษัท Huawei ในประเทศโปแลนด์   ในวันที่ 11 มกราคม 2019 สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานการจับกุมตัวชาย 2 คน ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นสายลับ หรือมีความเกี่ยวข้องกับการสอดแนมเพื่อให้ข้อมูลกับทางรัฐบาลจีน คนแรกคือ Weijing W. ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท Huawei ส่วนอีกคนคือ Piotr D. เป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของโปแลนด์ (สังเกตได้ว่าไม่มีการเปิดเผยนามสกุลเต็มของผู้ถูกจับกุม ซึ่งน่าจะมาจากรายละเอียดของการแถลงข่าวที่ยังคงความลับของข้อมูลบางส่วนอยู่)     การจับกุมดังกล่าวตกอยู่ในความสนใจของสื่อต่างๆ เพราะเกิดขึ้นไม่นานนักหลังจากมีการจับกุมผู้บริหารระดับสูงอีกคนหนึ่งของ Huawei ในประเทศแคนาดา ด้วยข้อหาลักลอบค้าขายกับประเทศที่ถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร แต่ในคราวนี้ข้อหาเปลี่ยนไป และมุ่งไปยังประเด็นการสอดแนมข้อมูลแทน สำหรับประเทศโปแลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ Huawei เข้าไปลงทุนมหาศาล พร้อมเป็นศูนย์กลางของการขายอุปกรณ์ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก นอกจากนี้ยังมีแผนการวางโครงข่าย 5G ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย     ทางด้าน Huawei หลังจากรับทราบข่าวการจับกุมพนักงานของตนเอง บริษัทก็ออกแถลงการณ์มาว่า… “Huawei ให้ความเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของทุกประเทศที่บริษัทเข้าไปปฏิบัติงาน และเราก็อบรมพนักงานทุกคนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงข้อบังคับของประเทศที่สำนักงานต่างๆ ตั้งอยู่เช่นกัน” การแถลงการณ์ครั้งนี้ ยอมรับว่ามีการจับกุมเกิดขึ้นจริง แต่ก็ยังคงยืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย…

หลังจากการเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานเมื่อปีที่ผ่านมากับกรณีของ Apple ทำการอัปเดตเวอร์ชันระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์ จนทำให้โทรศัพท์ใช้งานได้ช้าลง จนนำไปสู่การฟ้องร้องกันในที่สุด ซึ่งล่าสุดจากการตรวจสอบของหน่วยงานป้องกันการผูกขาดทางการตลาดของประเทศอิตาลี (AGCM) ก็พบว่าทั้ง Apple และ Samsung ได้ทำการอัปเดตเวอร์ชันระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์จนทำให้เครื่องใช้งานได้ช้าลงจริงๆ!!     การตรวจสอบดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแยกออกเป็นสองเคสคือของ Samsung และ Apple   จากทาง Apple   พบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบ iOS ใหม่ ที่ถูกอัปเดตเข้ามา ซึ่งคนที่ใช้ iPhone 6 จะรู้สึกว่าเครื่องของตัวเองนั้นช้าลง สาเหตุเป็นเพราะว่า iOS ใหม่ นั้นจะมีความต้องการในการใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น และถูกปรับมาให้สามารถใช้งานได้ดีกับ iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 7 นั่นเอง จากกรณีนี้ Apple ถูก AGCM สั่งฟ้อง และต้องเสียค่าปรับถึง 5 ล้านยูโร หรือราวๆ 187 ล้านบาท นอกจากนี้ Apple ยังถูกปรับเพิ่มอีก 5 ล้านยูโร เพราะไม่ยอมแจ้งข้อมูลให้กับลูกค้าทราบถึงปัญหาของการอัปเดต…

เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพกล้องถ่ายภาพในโทรศัพท์ คู่ที่มักจะถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบเป็นประจำก็คงหนีไม่พ้น iPhone กับกล้องใหญ่ เนื่องจากเปิดตัวใหม่ทุกปี และมักจะนำเสนอในเรื่องคุณภาพกล้องที่ยกระดับทุกปี… ด้วยเหตุนี้อาจจะทำให้ทุกคนเริ่มสงสัยว่า มันเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน คุณภาพจะสมกับราคาขายที่เปิดตัวมารึเปล่า? ทางด้านแชลแนล Photos In Color จึงได้หยิบมาเปรียบเทียบด้านการถ่ายวิดีโอให้เห็นกันชัดๆ     Ed Gregory หนุ่มเจ้าของแชลแนลจึงได้ทำการเปรียบเทียบระหว่าง iPhone XS กับกล้อง Canon C200 ใส่เลนส์ Sigma 18-35mm f/1.8 Art ถ่ายวิดีโอควบคู่กันแบบช็อตต่อช็อต และนำมาเทียบให้เห็นกันในวิดีโอคลิป โดยยังไม่เปิดเผยว่าฟุตเทจที่ยกมาเป็นกล้องของอะไร ระหว่างกล้อง 1 กับกล้อง 2      เขาเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ฟุตเทจกลับมาเปิดดูแล้ว ฟุตเทจจากกล้อง C200 ต้องทำการปรับสียกใหญ่ ต่างจากกล้องของ iPhone XS ที่ได้ภาพสีสดมาพอสมควรแล้ว   ถ่ายวิดีโอพร้อมกันผ่าน 2 กล้อง   และในเรื่องของคุณภาพวิดีโอที่ได้ หากนำคลิปวิดีโอมาดูผ่านจอเล็กๆ…

หลังจากที่กลายเป็นเรื่องเป็นราวสุดเศร้า เมื่อแฟนเกมหนุ่มคนหนึ่ง พยายามขอร้องให้ผู้พัฒนาใส่ป้ายขอแต่งงานในเกมเพื่อเซอร์ไพรส์แฟนสาว แต่เมื่อวันที่เกมออก เขาดันโดนคนรักบอกเลิกไปซะก่อน แถมยังเป็นคนใกล้ตัวคาบไปซะได้นี่ (ข่าวเก่า)     เมื่อได้อ่านและดูก็แทบจะช้ำหนองช้ำในเหลือเกิน อุตส่าห์เตรียมการไว้ซะยิ่งใหญ่ แต่ดันไม่ได้ใช้งาน เพราะโดนทิ้งไปก่อนเกมออกเพียงไม่กี่สัปดาห์… แต่หลังจากที่ออกเป็นข่าวครึกโครมไปแล้ว ก็มีแฟนเกมอีกหนึ่งรายคว้าโอกาสอันดีนี้ ใช้มาขอแต่งงานกับแฟนตัวเองได้สำเร็จ!!   Maddie จะแต่งงานกับผมมั้ยยยย?   เรื่องดังกล่าวนี้มาจากผู้ใช้เว็บไซต์ reddit นามว่า mitch3750 กล่าวถึงการใช้อีสเตอร์เอ้กตัวนี้ภายในเกม Marvel’s Spider-Man พร้อมกับภาพคุกเข่าควักแหวนขอแต่งงาน ด้วยหัวข้อ “ขอแฟนแต่งงานด้วยอีสเตอร์เอ้กตัวนี้ เธอชื่อ Maddie เหมือนกัน และเธอก็ตอบ ‘ตกลง’”     แหม๊ กลายเป็นว่าช่วงจังหวะพอดิบพอดีกับ Maddie อีกคน ก็กลายมาเป็นส้มหล่นเซอร์ไพรส์ซะงั้น ก็ถือว่าการทำอีสเตอร์เอ้กของทีมงานในครั้งนี้ไม่สูญเปล่า บรรลุจุดประสงค์ในการสร้างแล้ว แม้จะไม่ใช่คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็เถอะ…   ที่มา: reddit, comicbook, ladbible

สำหรับชาวนาชาวไร่แล้ว ศัตรูตัวสำคัญที่คอยกวนใจอยู่เสมอก็คือ “เหล่านก” ที่คอยมาขโมยกินผลิตผลของพวกเขานั่นเอง ชาวนาชาวไร่จึงเลือกที่จะสร้าง “หุ่นไล่กา” ขึ้นมาเพื่อขับไล่เจ้าพวกนก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล บางครั้งหุ่นไล่กาก็กลายเป็นที่พักอาศัยของนกไปเสียอย่างนั้น วันนี้ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าเดิม หุ่นไล่กาเองก็ถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลง เรามาดูกันดีกว่าว่า หุ่นไล่กาในยุค 4.0 มันเป็นอย่างไร   พบกับ Agrilaser Autonomics หุ่นไลกาแสงเลเซอร์ ในไร่บลูเบอร์รี่ รัฐออริกอน   ไร่บลูเบอร์รี่แห่งหนึ่งในรัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา ถูกเหล่านกขโมยผลผลิตไปมากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ต่อมาในช่วงฤดูออกผล พวกเขาจึงติดตั้ง Agrilaser หรือ หุ่นไล่กาเลเซอร์ จำนวน 6 ตัวลงในไร่ Agrilaser เป็นเครื่องยิงแสงเลเซอร์ที่สามารถนำมาวางติดตั้งในบริเวณไร่หรือฟาร์มได้ โดยมันจะยิงแสงเลเซอร์สีเขียวออกมา ทะลุพุ่มไม้และต้นไม้ในไร่ ทำให้เหล่านกคิดว่าแสงนี้คือนักล่าแล้วมันก็จะหนีไป     ทางบริษัทผู้ผลิตเจ้า Agrilaser กล่าวว่ามันสามารถไล่นกได้ในไร่และในฟาร์มได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทางไร่บลูเบอร์รี่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพิ่มมากขึ้นถึง 262,500 กิโลกรัม หรือเป็นเงินประมาณ 3.3 ล้านบาทเลยทีเดียว พวกเขาต้องใช้เวลาถึง 4 ปีในการพัฒนาหุ่นไล่กาเลเซอร์ตัวนี้ มีการปรับเปลี่ยนทดลองมาแล้วหลายอย่าง เช่น…